โครงการ RMJDT Stablecoin กลายเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญของการเคลื่อนไหวด้าน ‘เงินดิจิทัล’ ที่เน้นความมั่นคงและการใช้งานในโลกจริง โดยเฉพาะในบริบทของการค้าและชำระเงินข้ามพรมแดนของภูมิภาคเอเชีย โทเคน RMJDT ซึ่งตรึงค่ากับเงินริงกิต ถูกพัฒนาโดยบริษัท Bullish Aim ที่มี *ตนกู อิสมาอิล อิบนี สุลต่าน อิบราฮิม* มกุฎราชกุมารรัฐยะโฮร์ เป็นประธานและเจ้าของโครงการ นอกจากนี้ RMJDT ยังออกบนบล็อกเชน Zetrix ที่ผูกโยงกับโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนระดับประเทศของมาเลเซีย
จุดเด่นของ RMJDT คือการออกแบบที่มุ่งให้โครงการดูคล้าย *โครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินแบบดั้งเดิม* มากกว่าการเป็นสินทรัพย์คริปโตทั่วไป โดยมี *ทรัพย์สำรองเป็นเงินริงกิตสดและพันธบัตรรัฐบาลมาเลเซียระยะสั้น* ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบที่ ‘อนุรักษ์นิยม’ และถูกใจหน่วยงานกำกับดูแลและสถาบันการเงินรายใหญ่ เพราะเข้าใจง่ายและแลกคืนได้ชัดเจน
โครงการยังมี *Digital Asset Treasury Company (DATCO)* ซึ่งจัดตั้งขึ้นพร้อมคลังโทเคน Zetrix มูลค่า 500 ล้านริงกิต (ประมาณ 121 ล้านดอลลาร์) โดยมีแผนขยายคลังนี้เป็น 1 พันล้านริงกิต เพื่อช่วยรักษาค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมให้คงที่ และ *สนับสนุนระบบตรวจสอบ (Validator)* ได้ถึง 10% ของโหนดทั้งหมด
หากดูจากบริบทของภูมิภาคเอเชีย การเปิดตัว RMJDT เกิดในจังหวะที่เหมาะสม เนื่องจากหลายประเทศเริ่มสร้างกฎเกณฑ์ชัดเจนในการออก *สเตเบิลคอยน์* และ *การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์แบบโทเคน* ในระดับระบบการเงินที่เป็นทางการ ตัวอย่างเช่น *ฮ่องกง* ที่ประกาศใช้กฎหมาย Stablecoin Ordinance ในวันที่ 1 ส.ค. 2025 ซึ่งกำหนดให้ออกโทเคนที่อิงค่าเงินเฟียตต้องได้รับใบอนุญาตจาก HKMA เช่นเดียวกับ *สิงคโปร์* ที่กำลังสร้างระบบพระราชบัญญัติ (Legislation) สำหรับสเตเบิลคอยน์ โดยทดลองระบบผ่านโครงการเช่น Project Guardian ขณะที่ *ญี่ปุ่น* เลือกให้ธนาคารทรัสต์เป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบการออกและแลกคืนสเตเบิลคอยน์
ในกรณีของ *มาเลเซีย* เอง ทางธนาคารกลาง (Bank Negara Malaysia) ได้เคยมีส่วนร่วมใน *Project Dunbar* กับ BIS Innovation Hub เพื่อสร้างต้นแบบระบบโอนเงินข้ามพรมแดนด้วยสกุลเงินดิจิทัลกลาง (CBDC) ร่วมกับออสเตรเลีย สิงคโปร์ และแอฟริกาใต้ และในปัจจุบันก็มีแผน ‘Roadmap ด้านการโทเคนสินทรัพย์’ ที่จะเริ่มดำเนินการระหว่างปี 2025 ถึง 2027 โดยมีเป้าหมายให้ตลาดการเงินนำโทเคนผลิตภัณฑ์อย่าง ‘เงินฝาก, สินเชื่อ และพันธบัตร’ ไปใช้ในระบบที่ถูกกำกับ
ความคิดเห็น: ประเด็นที่สำคัญในการประเมินโครงการอย่าง RMJDT คือ *วิธีการจัดการทุนสำรอง การเปิดเผยข้อมูล และความโปร่งใสในการแลกคืน* ที่จะเป็นหัวใจต่อความเชื่อมั่นจากตลาด ถึงแม้โครงการจะเน้นเรื่องความมั่นคงและกติกาการกำกับดูแลที่ชัดเจน แต่ยังต้องให้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับ *ความถี่ของการเปิดเผยข้อมูล, หน่วยงานที่ทำหน้าที่ยืนยันทุนสำรอง* และ *กลไกการระบายหากมีการแลกคืนพร้อมกันจำนวนมาก*
การเปิดคลังโทเคนและการสนับสนุน Validator ผ่านการ Stake โทเคน Zetrix ทำให้ระบบของ RMJDT มีความคล้ายกับโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงิน *มากกว่าที่จะขึ้นอยู่กับภาวะตลาดคริปโตที่ผันผวน* อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ก็เริ่มเกิดคำถามในแง่ความชัดเจนระหว่างบทบาทการสนับสนุนระบบกับ *อิทธิพลเหนือระบบ*
หากย้อนมองภาพรวมของภูมิภาคเอเชีย สเตเบิลคอยน์กำลังถูกพัฒนาให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ *โครงสร้างตลาดทางการเงินที่ถูกกำกับโดยตรง* โดยอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดในเรื่องของ *ทุนสำรอง การแลกคืน และการอนุญาตในการออกโทเคน* ตัวอย่างจากสิงคโปร์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น ต่างแสดงให้เห็นการกำหนดบทบาทของ Stablecoin ในฐานะ 'เครื่องมือทางการเงิน' ไม่ใช่ 'สินทรัพย์คริปโตเสี่ยงสูง'
ความคิดเห็น: RMJDT แสดงให้เห็นว่าบทสนทนาเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์ในเอเชียได้เปลี่ยนไปแล้ว จากเดิมที่เป็นสินทรัพย์นอกระบบ กำลังถูกผลักดันให้เข้าสู่กรอบการกำกับดูแลและถูกปรับบทบาทให้กลายเป็น *โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินดิจิทัลในระดับประเทศ* โดยเน้นความน่าเชื่อถือไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่รวมถึง *ธรรมาภิบาล สภาพคล่อง การแลกคืน และความโปร่งใส*
สุดท้าย การทดลองของ RMJDT ในฐานะสเตเบิลคอยน์ที่อิงริงกิต พร้อมโมเดลทุนสำรองที่ชัดเจน และโครงสร้างเครือข่ายที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานจริง อาจกลายเป็นต้นแบบของ *‘สินทรัพย์ดิจิทัลสกุลท้องถิ่น’ ที่เสริมสร้างระบบเศรษฐกิจในประเทศ โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินดอลลาร์เสมอไป*
ความคิดเห็น 0