ราคาบิตคอยน์(BTC) ที่เคยพุ่งทะยานแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 126,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี 2025 กลับร่วงลงมามากกว่า 30% เหลือเพียง 88,000 ดอลลาร์ในช่วงล่าสุด ทำให้ตลาดคริปโตเผชิญบรรยากาศที่พลิกผันอย่างกะทันหัน แม้หลายฝ่ายจะเริ่มกังวลว่าการปรับฐานในครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของขาลงระยะยาว แต่เสียงจากผู้เชี่ยวชาญบางคนกลับมองในแง่ดี โดยเชื่อว่านี่อาจเป็นเพียงการสะสมพลังในช่วง ‘โค้งก่อนพุ่ง’ เท่านั้น
เทรดเดอร์นามแฝง ‘Merlijn’ ให้สัมภาษณ์โดยเน้นว่า การร่วงลงของราคาในครั้งนี้ไม่ใช่ “การพังทลาย” แต่เป็น “การม้วนตัวของแรงซื้อ” หรือ ‘Coil’ ที่เตรียมพร้อมสำหรับการดีดตัวขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเขาได้อ้างถึงมุมมองของ ราอูล พัล(Raoul Pal) นักลงทุนสายแมโครที่ชี้ว่า *บิตคอยน์กำลังเข้าสู่ ‘ซูเปอร์ไซเคิล’ ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยสภาพคล่อง* แทนที่จะยึดตาม *วัฏจักร 4 ปีแบบดั้งเดิม*
ราอูล พัล อธิบายว่า บิตคอยน์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกลไก *รางวัลการขุดลดลง → นักลงทุนรายย่อยแห่เข้ามา → ราคาแตะจุดสูงสุด → เข้าสู่ฤดูหนาวของตลาดอีกครั้ง* แบบในอดีตอีกต่อไป แต่เปลี่ยนผ่านไปสู่กลไกใหม่ที่ขับเคลื่อนโดย *ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค* เช่น การอนุมัติ ETF แบบสปอต, การเข้ามาของนักลงทุนสถาบันและกองทุนเฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่ โดยมองว่าจุดเริ่มต้นของตลาดควรมองจาก *การปรับเปลี่ยนของสภาพคล่อง* มากกว่าการนับรอบจาก “ปฏิทิน”
Merlijn กล่าวเสริมว่า การปรับฐานในตอนนี้น่าจะเป็นเพียงช่วงพักฐานในภาพยาว คล้าย *‘สลิงช็อต’* ที่ถอยหลังเพื่อดีดกลับอย่างรุนแรง เขาเตือนนักลงทุนไม่ควรใช้กรอบคิดแบบ ‘4 ปี’ อีกต่อไป เพราะ “โค้งแนวโน้มใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว” พร้อมทั้งชี้ว่าการฟื้นตัวของวัฏจักรเศรษฐกิจ, การกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ และการฟื้นตัวของ *สภาพคล่องทั่วโลก* จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้สถาบันหวนกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
ด้านนักวิเคราะห์ที่ใช้ชื่อว่า ‘Wise Crypto’ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ราคาบิตคอยน์จะลดลงจากจุดสูงสุดไม่นานที่ผ่านมา แต่ก็ยังเพิ่มขึ้นมากกว่า 400% จากจุดต่ำสุด การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มขาขึ้น และนำมาซึ่งคำทำนายที่แรงกล้าว่า *บิตคอยน์อาจแตะระดับ 600,000 ดอลลาร์ภายในปี 2026* หากเกิด “พายุสมบูรณ์แบบ” ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ที่ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed)ยุติการลดขนาดงบดุล(QT), เดินหน้าลดดอกเบี้ย และกระทรวงการคลังเร่งฉีดสภาพคล่องผ่านพันธบัตรอายุสั้น พร้อมกับผลกระทบจากการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ
จากภาพรวมเหล่านี้ นักวิเคราะห์จำนวนมากเริ่มหันมามองว่า ในตอนนี้ *เศรษฐกิจมหภาคและสภาพคล่องมีอิทธิพลต่อบิตคอยน์มากกว่าแนวทางเทคนิคหรือวงจรการขุด* ในอดีต โดยเฉพาะท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ในด้านนโยบายเศรษฐกิจ, ดอกเบี้ย และมาตรการกระตุ้นก่อนเลือกตั้ง จะเป็นปัจจัยสำคัญกำหนดทิศทางของสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวม
การเข้ามาลงทุนของสถาบันและความต้องการใน ETF กำลังเปลี่ยนโครงสร้างตลาดอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่การปรับฐานระยะสั้นอาจไม่ใช่สัญญาณลบเสียทีเดียว หากแต่มองได้ว่าเป็น ‘โอกาสในการเข้าซื้อตามแนวโน้มใหม่’ อย่างไรก็ตาม ในการประเมินราคาเป้าหมายระดับสูงสุด นักลงทุนควรคำนึงถึงความเสี่ยงรอบด้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผล
*คำสำคัญ*: ‘บิตคอยน์(BTC)’, ‘ซูเปอร์ไซเคิล’, ‘สลิงช็อต’, ‘สภาพคล่อง’, ‘ETF’, ‘ทรัมป์’
ความคิดเห็น 0