บิตคอยน์(BTC) ยังคงเผชิญแรงกดดันจากภาวะขาดทุนในเครือข่าย ซึ่งขณะนี้ปริมาณเหรียญที่อยู่ในสถานะขาดทุนยังคงคิดเป็นสัดส่วนที่สูง โดย ‘กลุ่มผู้ถือระยะยาว’ กลายเป็นผู้ที่ครอบครองเหรียญเหล่านี้มากขึ้น ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนลักษณะที่คล้ายคลึงกับวัฏจักรตลาดก่อนหน้าที่มักนำไปสู่การปรับฐานรุนแรงและภาวะตลาดหมีที่กินเวลายาวนาน
เมื่อเร็วๆ นี้ Glassnode บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบนบล็อกเชนรายงานว่า บิตคอยน์ประมาณ 23.7% ของอุปทานรวมทั้งหมดยังคงอยู่ในสถานะ ‘ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง’ กล่าวคือ เป็นเหรียญที่นักลงทุนซื้อไว้ในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน และยังไม่มีการขายออก คิดเป็นประมาณ 6.7 ล้าน BTC โดยเหรียญเหล่านี้เข้าสู่ภาวะขาดทุนตั้งแต่การร่วงลงของราคาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถฟื้นกลับเหนือจุดคุ้มทุนได้
Glassnode ระบุว่า “พฤติกรรมของราคาที่ยังคงอยู่ในช่วงต่ำเช่นนี้ คล้ายกับรูปแบบที่เคยเกิดขึ้นในช่วงต้นของวัฏจักรตลาดก่อนหน้า ซึ่งมักตามมาด้วยความผิดหวังของนักลงทุน การตัดสินใจที่รีบร้อน และในที่สุดอาจพัฒนาไปสู่ตลาดหมีเต็มรูปแบบ”
จุดน่าสนใจคือ เหรียญที่อยู่ในสถานะขาดทุนนี้ไม่ได้อยู่ในมือนักลงทุนระยะสั้นเท่านั้น ปรากฏว่ามีสัดส่วนหนึ่งกำลังถูกถ่ายไปอยู่ในมือของ *ผู้ถือระยะยาว* (Long-Term Holders: LTH) มากขึ้น จากการวิเคราะห์พบว่า จากเหรียญทั้งหมดที่อยู่ในช่วงราคาขาดทุนประมาณ 23.7% นั้น กลุ่มผู้ถือระยะสั้น (Short-Term Holders: STH) ครอบครองอยู่ราว 13.5% ขณะที่ผู้ถือระยะยาวถืออยู่ราว 10.2%
ข้อมูลออนเชนของ Glassnode นิยามว่าการถือครองไม่เกิน 155 วันถือเป็นระยะสั้น ในขณะที่การถือครองเกิน 155 วันถือเป็นระยะยาว ความเปลี่ยนแปลงนี้บ่งชี้ว่า บางส่วนของเหรียญที่นักลงทุนถือไว้แม้จะอยู่ในภาวะขาดทุนกลับถูกถือครองต่อเนื่องจนครบเงื่อนไขระยะยาว ซึ่งมักจะปรากฏในช่วงปลายของวัฏจักรขาลง
Glassnode วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า “การเปลี่ยนผ่านเช่นนี้ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนบางรายเลือกกลยุทธ์ *‘ถือไว้ก่อน’* แทนที่จะขายทำกำไรหรือขายขาดทุน หากตลาดเข้าสู่ขาลงในระยะยาว เหรียญที่กลายเป็นสินทรัพย์ของนักลงทุนระยะยาวเหล่านี้อาจช่วย *ลดแรงขาย* ที่จะเกิดขึ้นได้”
ในด้านราคาบิตคอยน์ ล่าสุดราคาทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 85,400 ดอลลาร์ หรือราว 1,262.8 ล้านบาท ซึ่งลดลงมากกว่า 5.5% ภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว สาเหตุหลักเป็นผลจากความไม่แน่นอนในตลาดหลังการปรับฐานใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน และอารมณ์ของนักลงทุนที่ยังคงระมัดระวังสูง
ความเคลื่อนไหวของข้อมูลออนเชนครั้งนี้สามารถมองได้ว่าเป็นสัญญาณเตือนของ *การยืดเยื้อของตลาดขาลง* เหรียญที่ขาดทุนและยังไม่ถูกขายทิ้งเหล่านี้หากสะสมมากขึ้น อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเทขายรุนแรง (capitulation) ที่เกิดขึ้นในการวนรอบตลาดก่อนหน้า ซึ่งในหลายกรณีมักเป็นจุดต่ำสุดก่อนเกิดการฟื้นตัว
ในสถานการณ์ลักษณะนี้ *แนวทางการลงทุนอย่างระมัดระวัง* และการติดตามพฤติกรรมของผู้ถือครองเหรียญในแต่ละช่วงเวลา กลายเป็นเครื่องมือสำคัญต่อการประเมินสภาพตลาดโดยรวม ความเข้าใจในสัดส่วนของผู้ถือระยะสั้นและระยะยาวจึงอาจช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้ดีขึ้นในช่วงที่แนวโน้มยังไม่ชัดเจน
‘คำสำคัญ’: บิตคอยน์(BTC), ผู้ถือระยะยาว, ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง, Glassnode, ตลาดขาลง, ราคาบิตคอยน์
‘ความคิดเห็น’: ลักษณะข้อมูลที่แสดงว่าผู้ถือเหรียญมีแนวโน้มทนถือแม้อยู่ในภาวะขาดทุน อาจสะท้อนถึงจุดเปลี่ยนทางจิตวิทยาตลาด และอาจปูทางไปสู่การฟื้นตัวหากแรงขายลดลงจากกลุ่มนี้ในอนาคต
ความคิดเห็น 0