ชิบะอินุ(SHIB) ยืนเหนือ 0.000010 ดอลลาร์รับเดือนพฤศจิกายน นักวิเคราะห์คาดมีลุ้นฟื้นตัว 25%

ชิบะอินุ(SHIB) ปิดเดือนตุลาคมโดยไม่มีการเพิ่ม ‘ศูนย์ใหม่’ในราคาตลาด ถือเป็นสัญญาณบวกที่ช่วยกระตุ้นความหวังของนักลงทุนสายมีมโทเคนว่าระลอกการปรับตัวขึ้นรอบใหม่อาจมาเยือนในเดือนพฤศจิกายนนี้ แม้ความผันผวนในช่วงหลังจะลดลง แต่ทั้งสัญญาณทางเทคนิคและข้อมูลเชิงฤดูกาลยังคงชี้ไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือ ‘โอกาสฟื้นตัว’

ตลอดเดือนตุลาคม ราคาของชิบะอินุเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 0.0000102 ดอลลาร์ แม้ในช่วงต้นเดือนจะย่อลงไปถึง 0.00000955 ดอลลาร์ก็ตาม นั่นหมายความว่าสกุลเงินดิจิทัลนี้สามารถต้านทานแรงขายฝั่งขาลงได้ในระดับหนึ่ง โดยมีอัตราการปรับตัวลงตลอดเดือนไม่เกิน 15% ซึ่งถือว่าดีเมื่อเทียบกับอัลต์คอยน์ตัวอื่น ขณะเดียวกัน ปริมาณการซื้อขายคงที่ และระดับความผันผวนแคบลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนดัชนี RSI ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเทคนิคสำคัญ แม้จะยังไม่ได้เข้าสู่โซนซื้อเกิน เปรียบเหมือน ‘สัญญาณหยุดพัก’ ของแนวโน้มขาลง

หากย้อนกลับไปดูพฤติกรรมราคาที่คล้ายคลึงกัน จะพบว่าชิบะอินุเคยฟื้นตัวขึ้นถึง 35% ในเดือนพฤษภาคม 2023 ภายใต้โครงสร้างราคาแบบเดียวกัน นอกจากนี้ เส้นกลางของ Bollinger Bands ยังคงอยู่ที่ 0.00001014 ดอลลาร์ และเส้นบนอยู่ที่ 0.00001178 ดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าหากเกิดการเบรกเอาต์ ก็มีโอกาสปรับขึ้นได้ถึง 20–25% ในช่วงเวลาอันสั้น ความเป็นไปได้นี้ จึงทำให้ตลาดเฝ้าจับตาว่าเดือนพฤศจิกายนอาจเป็นจุดเริ่มต้นของคลื่นลูกใหม่

สิ่งที่สร้างความมั่นใจอีกมากคือลักษณะเชิงฤดูกาลของราคา เพราะในอดีต เดือนพฤศจิกายนถูกเรียกว่าช่วง ‘เดือนนำโชค’ ของชิบะอินุ จากสถิติ ราคาพุ่งขึ้น 833% ในปี 2021 และทำผลงานได้ดีอีกครั้งในปี 2024 ด้วยการฟื้นตัวที่ 48.8% ทำให้การคาดหวังกำไรเฉลี่ยในเดือนเดียวสูงกว่า 170% ซึ่งเป็นเหตุผลที่เทรดเดอร์หลายคนกำลังหวังว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เป้าหมายระยะสั้นในครั้งนี้อยู่ที่ระดับ 0.00001230 ดอลลาร์ โดยมีแรงต้านแรกคือ 0.00001062 ดอลลาร์

เมื่อความสนใจของตลาดในมีมโทเคนเริ่มลดลงกลับกลายเป็นโอกาส เพราะการกลับตัวมักจะเกิดขึ้นในภาวะที่ความคาดหวังน้อยที่สุด ความนิ่งของชิบะอินุในช่วงนี้จึงถูกตีความว่าเป็นการ ‘เก็บแรง’ ก่อนจะฉีกแนวในระยะถัดไปตามพื้นฐานทางเทคนิค

แม้จะยังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าชิบะอินุจะสามารถกลับไปสู่กระแสขาขึ้นแบบระเบิดได้เหมือนอดีตหรือไม่ แต่จากทิศทางของตัวเลข ศักยภาพทางเทคนิค และแรงหนุนจากประวัติราคาในเดือนพฤศจิกายน ก็เพียงพอให้ตลาดจับตามอง ‘โอกาสระยะสั้น’ ที่กำลังก่อตัวอย่างเงียบๆ