ความคาดหวังของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลพุ่งสูงขึ้น หลังจากมีรายงานว่า *กองทุน ETF แบบถือครองจริงของริปเปิล(XRP)* อาจถูกอนุมัติในสหรัฐเร็วที่สุดภายใน 2 สัปดาห์ โดยนักวิเคราะห์บางรายมองว่านี่อาจเป็น ‘จุดเปลี่ยนสำคัญ’ ที่จะส่งผลต่อแนวโน้มราคาของ XRP อย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อวันที่ 24 ที่ผ่านมา เนต เจราซี ประธานบริษัท โนวาดิอุสเวลธ์แมเนจเมนต์ กล่าวผ่านโซเชียลมีเดีย X ว่า เขาคาดว่า *ETF ของ XRP* อาจถูกเปิดตัวภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า โดยมองว่านี่คือสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงด้านท่าทีของหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐ เขายังชี้ว่า การอนุมัติ ETF ครั้งนี้จะเป็นเหมือน ‘การปิดฉาก’ ต่อจุดยืนต่อต้านคริปโตของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในภาครัฐ
ทั้งนี้ ข้อพิพาททางกฎหมายระหว่าง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) และบริษัทริปเปิลที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 ได้ยุติลงเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายตกลงถอนอุทธรณ์ ซึ่งช่วยลดความไม่แน่นอนด้านกฎเกณฑ์ของ XRP อย่างเห็นได้ชัด
การยื่นขอ ETF นี้นำโดยบริษัท แคเนอรีแคปิทัล โดยมีเป้าหมายเปิดตัวในวันที่ 13 พฤศจิกายน หากเป็นไปตามแผน XRP จะกลายเป็นหนึ่งใน *คริปโตเคอร์เรนซีรายแรก* ที่นักลงทุนในสหรัฐสามารถเข้าถึงผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ได้รับการตรวจสอบจากภาครัฐ โดยไม่ต้องถือครองเหรียญจริง
ก่อนหน้านี้ กระบวนการพิจารณา ETF ต่างๆ ถูกชะลอจากเหตุการณ์งบประมาณรัฐบาลกลางที่ไม่ผ่านความเห็นชอบ ซึ่งส่งผลให้คำขอ ETF ของบริษัทอย่างเกรย์สเกล และผู้ยื่นรายอื่นอาทิ 21Shares, บิทไวส์, คอยน์แชร์ส และวิสดอมทรี ถูกเลื่อนไปเช่นกัน
ในมุมมองของนักวิเคราะห์ XRP ถูกมองว่าเป็นเหรียญที่เหมาะแก่การใช้งานในระบบการชำระเงินทั่วโลก เนื่องจากความเร็วและต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งทำให้เกิดความหวังว่า หาก ETF ได้รับการอนุมัติแล้วเม็ดเงินอาจหลั่งไหลเข้าสู่ XRP ในระดับใกล้เคียงกับกรณีของ *บิตคอยน์(BTC)* ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการรวมกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 134 ล้านล้านวอน
ล่าสุด พบว่านักลงทุนรายใหญ่หรือที่เรียกว่า ‘วาฬ’ ได้สะสม XRP มูลค่ากว่า 340 ล้านดอลลาร์ (ราว 4.5 พันล้านบาท) ในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยธุรกรรมรายเดียวที่ใหญ่ที่สุดมีมูลค่าสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.34 หมื่นล้านบาท)
นักวิเคราะห์คาดการณ์เพิ่มเติมว่า ปริมาณการซื้อขายผ่านระบบ DEX บนเครือข่าย XRP เลเจอร์ อาจเพิ่มขึ้นในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ *ปริมาณ XRP ในตลาดศูนย์กลางลดลง* การที่ *อุปสงค์เพิ่มขึ้น ขณะที่อุปทานลดลง* อาจเป็นตัวเร่งราคาให้ XRP สร้างจุดสูงสุดใหม่ โดยบางรายตั้งเป้าราคาไว้ที่ *5 ดอลลาร์ต่อเหรียญ* หรือราว 6,700 บาท
แม้การอนุมัติ ETF ของ XRP ยังไม่เป็นทางการ แต่ความชัดเจนด้านกฎระเบียบที่มากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมการลงทุนของวาฬที่ชัดเจน นำไปสู่การคาดการณ์ว่า XRP อาจเข้าสู่ *แนวโน้มกลับตัวครั้งใหม่* โดยเฉพาะหากแนวโน้มจากหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง SEC เปิดกว้างมากกว่าที่เคยเป็นมา ความเป็นไปได้ที่ XRP จะได้รับการยอมรับในแวดวงการเงินกระแสหลักจึงเริ่มเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
ความคิดเห็น 0