อุตสาหกรรมคริปโตของสหรัฐเผชิญภัยคุกคามไซเบอร์ ดันแนวคิด ‘Neo-Privateer’ เป็นทางเลือกใหม่
อุตสาหกรรมคริปโตของสหรัฐกำลังเผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวคิด ‘Neo-Privateer’ หรือการนำหลักการจ้างเอกชนเพื่อรับมือกับภัยคุกคามกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง แนวคิดนี้มีรากมาจาก ‘Letters of Marque and Reprisal’ ซึ่งเป็นเอกสารที่รัฐบาลเคยมอบให้แก่เอกชนในอดีตเพื่อปฏิบัติการทางทะเลกับศัตรู แต่คราวนี้ถูกเสนอให้ใช้ในโลกไซเบอร์เพื่อต่อสู้กับกลุ่มแฮกเกอร์ที่เป็นภัยต่อระบบการเงินดิจิทัล
เมื่อเร็ว ๆ นี้ กลุ่มแฮกเกอร์ลาซารัส ซึ่งเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ ได้ขโมยคริปโตมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 50,400 ล้านบาท) จากแพลตฟอร์มไบบิท(Bybit) ถือเป็นเหตุการณ์โจรกรรมครั้งใหญ่ของปี 2025 ขณะที่ในปี 2024 มีมูลค่าความเสียหายจากการแฮกมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 72,000 ล้านบาท) โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งเชื่อว่ามาจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีรัฐบาลเกาหลีเหนือหนุนหลัง ทำให้มีการเรียกร้องให้หามาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แนวทาง ‘Neo-Privateer’ เสนอให้รัฐบาลสหรัฐออกใบอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตและความปลอดภัยทางไซเบอร์สามารถดำเนินการตอบโต้แฮกเกอร์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยอาจหมายถึงการแฮกกลับเพื่อนำสินทรัพย์ที่ถูกขโมยไปคืนสู่ผู้เสียหาย พร้อมรับค่าตอบแทนตามสัดส่วนที่ตกลงกัน แนวทางนี้อยู่บนพื้นฐานของรัฐธรรมนูญสหรัฐ ซึ่งเคยมีการออกใบอนุญาตลักษณะนี้กว่า 500 ฉบับในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 และยังคงมีสถานะทางกฎหมาย เนื่องจากสหรัฐไม่ได้ลงนามในปฏิญญาปารีสปี 1856 ซึ่งห้ามการใช้เอกชนปฏิบัติการทางทหาร
ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) ที่ช่วยให้การแฮกมีประสิทธิภาพมากขึ้น รัฐบาลสหรัฐเองก็เริ่มพบว่าการตอบโต้ภัยคุกคามเหล่านี้เป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อย ๆ การใช้ความสามารถของภาคเอกชนเพื่อจัดการกับแฮกเกอร์จึงกลายเป็นแนวทางที่ได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง
ในสภาคองเกรส ขณะนี้มีสมาชิกราว 300 คนที่มีแนวคิดสนับสนุนคริปโต โดยบุคคลสำคัญอย่างซินเทีย ลูมิส (Cynthia Lummis) วุฒิสมาชิกจากไวโอมิง และทอม เอมเมอร์ (Tom Emmer) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากมินนิโซตา กำลังพิจารณาข้อเสนอนี้อย่างจริงจัง ขณะที่แนวทางของประธานาธิบดีทรัมป์ก็มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์นี้ ซึ่งอาจช่วยให้สหรัฐกลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมคริปโตระดับโลก
หากแนวคิด ‘Neo-Privateer’ ถูกนำมาใช้จริง สหรัฐอาจสามารถปกป้องระบบการเงินดิจิทัลของตน ควบคู่ไปกับการรักษาความมั่นคงของชาติและอุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งอาจเปลี่ยนสภาพแวดล้อมความปลอดภัยทางไซเบอร์ไปอย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0