อีเธอเรียม(ETH) กำลังเผชิญภาวะตลาดที่ถูกครอบงำด้วย ‘แรงเก็งกำไร’ หลังจากที่ปริมาณการซื้อขายและสัญญาคงค้างแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนอย่างคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ระบุว่า ปริมาณการซื้อขายของอีเธอเรียมในตลาดซื้อขายกลาง เช่น ไบแนนซ์ พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2025 โดยเฉพาะในไบแนนซ์ที่มีการซื้อขายอนุพันธ์และการเทรดความถี่สูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ยอดซื้อขายรวมทั้งปีทะลุ 6 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8,100 ล้านล้านวอน) ซึ่งสูงกว่าช่วงตลาดกระทีก่อนหน้านี้ถึง 2–3 เท่า
ในด้านสัญญาคงค้าง(open interest) ก็สะท้อนกระแสนี้อย่างชัดเจน โดยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ยอด Open Interest ในไบแนนซ์พุ่งแตะ 12.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 168.75 ล้านล้านวอน) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงกว่า 5 เท่าเมื่อเทียบกับระดับ 2.5 พันล้านดอลลาร์ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่ ETH ใกล้แตะราคาสูงสุดในประวัติการณ์
คริปโตควอนต์ให้ความเห็นว่า “ในรอบนี้ตลาด ETH มีสัดส่วนของการซื้อขาย *อนุพันธ์* มากกว่าตลาด *สปอต* อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหมายความว่าโครงสร้างตลาดกำลังโน้มเอียงไปสู่การเก็งกำไรมากขึ้น นำไปสู่ความผันผวนของราคาที่สูงขึ้น และความเสี่ยงด้านเสถียรภาพ”
ในบริบทของโครงสร้างตลาดที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น นักวิเคราะห์ เท็ด ฟิโลวส์ ประเมินว่า หาก ETH สามารถปิดราคาวันด้วยระดับสูงกว่า 3,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.01 แสนบาท) ได้ ก็อาจเกิด *แรงขาขึ้น* ต่อเนื่องจนแตะ 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.42 แสนบาท) อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถผ่านแนวต้านนี้ได้ ก็มีโอกาสปรับฐานในระยะสั้น
ด้านแนวรับ นักวิเคราะห์ อะลี มาร์ติเนซ ระบุว่ามีจุดที่น่าจับตาสามระดับ คือแนวรับเบื้องต้นที่ 2,866 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.88 แสนบาท) ถ้าความกดดันด้านขายยังคงรุนแรง ราคาอาจลดลงไปถึง 2,528 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.42 แสนบาท) โดยแนวรับสำคัญในระยะยาวอยู่ที่ 1,789 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.43 แสนบาท) ซึ่งเป็นระดับราคาที่เคยมีแรงซื้อสะสมในอดีต
แม้ว่าการเปลี่ยนโฟกัสจากตลาดสปอตมาสู่ตลาดอนุพันธ์จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมสภาพคล่องและการมีส่วนร่วมของนักลงทุน แต่ก็แฝงด้วยความเสี่ยงของ ‘เลเวอเรจเกินตัว’ และ *พฤติกรรมเก็งกำไรเกินควบคุม* นักลงทุนจึงควรเพิ่มความระมัดระวังต่อภาวะผันผวนของตลาดที่อาจขยายตัวมากขึ้นในระยะนี้
ความคิดเห็น 0