ราคาโทเคน 'HYPE' ของแพลตฟอร์มเทรดดิ้งแบบกระจายอำนาจอย่างไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid) ร่วงลงอย่างรุนแรงกว่า 56% ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน โดยจากระดับสูงถึง 58 ดอลลาร์ (ประมาณ 85,753 บาท) เมื่อเดือนตุลาคม ปัจจุบันโทเคนดังกล่าวลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 25 ดอลลาร์ (ประมาณ 36,962 บาท) ซึ่งเป็นช่วงที่สวนทางกับรายได้ของแพลตฟอร์มที่เพิ่งทำสถิติสูงสุด นักลงทุนจึงเริ่มตั้งคำถามกับประสิทธิภาพของกลยุทธ์ ‘ไบว์แบ็ค’
ไฮเปอร์ลิควิดสามารถสร้างรายได้สูงจากบริการแพลตฟอร์ม DEX แม้ในช่วงที่ตลาดคริปโตโดยรวมอยู่ในภาวะซบเซา โดยเฉพาะในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ราคาของ ‘HYPE’ ยังดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวทางการใช้กำไรเพื่อซื้อคืนโทเคนจากตลาดของแพลตฟอร์ม เริ่มถูกวิพากษ์ว่าเป็นเพียงการตกแต่งภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจโดยไม่ช่วยกระตุ้นความต้องการที่แท้จริงในตลาด
บลาด สวิตันโก(Vlad Svytanko) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Cryptorsy Ventures ให้ *ความคิดเห็น* ว่า “ไบว์แบ็คก็เหมือนกับการจ้างเพื่อนมาต่อคิวหน้าร้านอาหาร เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าสินค้าขายดี ทั้งที่ไม่มีความต้องการจริงในตลาด” พร้อมเสนอว่าบริษัทควรนำรายได้ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือขยายบริการในอนาคตจะดีกว่า โดยเน้นว่ารายได้จากแพลตฟอร์มสูงกว่าธนาคาร แต่ผลตอบแทนของโทเคนกลับไม่สะท้อนศักยภาพนั้นเลย
แม้ ‘HYPE’ จะยังคงอยู่ใน 10 อันดับแรกของคริปโตที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด แต่การตกลงอย่างต่อเนื่องจากจุดสูงสุดและแนวโน้มขาลงที่ต่อเนื่อง ก็ยังเป็น ‘สัญญาณแดง’ สำหรับผู้ถือครอง นักลงทุนหลายรายมองว่าจนกว่าตลาดโดยรวมจะฟื้น การฟื้นตัวของโทเคนคงเกิดขึ้นได้ยาก
จากมุมมองเชิงเทคนิค แนวต้านสำคัญอยู่ที่ระดับ 30 ดอลลาร์ (ประมาณ 44,355 บาท) ซึ่งหากไม่สามารถฝ่าขึ้นไปเหนือระดับนี้ได้ การฟื้นตัวที่เกิดขึ้นก็อาจเป็นเพียงการดีดกลับระยะสั้นเท่านั้น กลับกัน ถ้าราคาหลุดระดับแนวรับที่ 22.5 ดอลลาร์ (ประมาณ 33,266 บาท) ก็มีความเสี่ยงที่ราคาจะไหลลงไปถึง 20 ดอลลาร์ (ประมาณ 29,570 บาท)
ดัชนี RSI ที่อยู่แถวระดับ 33 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดที่บ่งชี้ว่าโทเคนอยู่ในภาวะ ‘ใกล้ขายมากเกินไป’ ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้เกิดการฟื้นตัวในระยะสั้น แต่หากไม่สามารถพลิกกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้นได้ ก็อาจยิ่งตอกย้ำทิศทางขาลงมากขึ้น
ในอีกด้านหนึ่ง ท่ามกลางภาวะขายทำกำไรในตลาดโดยรวม โปรเจกต์หน้าใหม่อย่าง *บิตคอยน์ ไฮเปอร์* (Bitcoin Hyper) กลับได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเป็นโครงการที่พัฒนาเลเยอร์ 2 สำหรับบิตคอยน์(BTC) เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาด้านความเร็ว ค่าธรรมเนียม และการใช้งานในโลกดีไฟ (DeFi)
ผู้ใช้งานสามารถโอนบิตคอยน์เข้าสู่เครือข่ายไฮเปอร์ได้ 1:1 เพื่อใช้ในการสเตก (Staking), ลงทุนในโปรดักต์ทางการเงิน และกิจกรรมดีไฟต่างๆ ที่บิตคอยน์ดั้งเดิมไม่สามารถรองรับได้ ความ *คิดเห็น* จากผู้เกี่ยวข้องรายหนึ่งระบุว่า “บิตคอยน์ ไฮเปอร์มีจุดแข็งจากการผสานความปลอดภัยของบิตคอยน์ และฟีเจอร์การใช้งานของเครือข่ายไฮเปอร์”
แม้ยังอยู่ในระยะก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ *บิตคอยน์ ไฮเปอร์* ก็สามารถระดมเงินทุนแล้วกว่า 29.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 436.8 ล้านบาท) ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในท่ามกลางตลาดที่ความคาดหวังยังไม่ฟื้นตัว ซื้อใจนักลงทุนจำนวนหนึ่งด้วยอัตราผลตอบแทนจากการสเตกสูงสุดถึง 39% ต่อปี
แม้ *บิตคอยน์ ไฮเปอร์* จะเป็นโครงการที่แยกจากไฮเปอร์ลิควิด แต่ด้วยการใช้ชื่อแบรนด์ ‘ไฮเปอร์(Hyper)’ ร่วมกัน ทั้งสองจึงมักถูกพูดถึงในบริบทเดียวกัน และที่สำคัญ ทั้งคู่ต่างเน้นกลยุทธ์ที่ให้น้ำหนักกับการใช้งานจริงในบริบทของดีไฟ ซึ่งอาจช่วยให้พวกเขากลับมาเป็นผู้นำได้เร็วที่สุด เมื่อแนวโน้มตลาดกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0