บริษัทจัดทำดัชนี ‘เอ็มเอสซีไอ’ (MSCI) อาจถอดบริษัทที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลในสัดส่วนสูงออกจากดัชนีหลัก ซึ่งอาจนำไปสู่การไหลออกของเงินทุนจากกองทุนพาสซีฟสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 522,000 ล้านบาท) โดยเฉพาะบริษัทที่ถือบิตคอยน์(BTC)เป็นจำนวนมาก เช่น สตราเทจี(Strategy) อาจได้รับผลกระทบมากที่สุด พร้อมความเป็นไปได้ที่จะกระทบต่อ *ตลาดคริปโต* ในวงกว้าง
ตามรายงานเมื่อวันที่ 24 เอ็มเอสซีไอกำลังพิจารณาเกณฑ์ใหม่สำหรับการจัดอันดับบริษัทในดัชนี โดยมีแผนพิจารณาว่าจะตัดบริษัทที่ถือครอง *สินทรัพย์ดิจิทัล* มากกว่า 50% ของพอร์ตออกจากดัชนีหลัก หากเกณฑ์นี้ได้รับการอนุมัติ กองทุนพาสซีฟที่ติดตามดัชนีของเอ็มเอสซีไอจะถูกบังคับให้ขายหุ้นของบริษัทเหล่านี้ออกไป
เอ็มเอสซีไอระบุว่าจะรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ จนถึงเดือนธันวาคม 2025 และจะประกาศผลสรุปอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มกราคม 2026 โดยจะมีผลต่อดัชนีในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน
นักวิเคราะห์ประเมินว่าหากดำเนินตามแผนนี้จะมีบริษัทจดทะเบียนที่เข้าข่ายจำนวนราว 39 แห่ง และการขายหุ้นจากกองทุนพาสซีฟที่ติดตามดัชนีของ MSCI จะมีมูลค่าสูงถึง 11,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 396,000 ล้านบาท) แต่หากดัชนีอื่นๆ ใช้นโยบายเดียวกัน ตัวเลขดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้นถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หนึ่งในบริษัทที่ถูกจับตาคือ *สตราเทจี* ซึ่งถือครองบิตคอยน์ในสัดส่วนสูง โดยอยู่ในกลุ่มบริษัทที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด และอาจเกิดการถอนเงินจากกองทุนพาสซีฟถึง 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 96,300 ล้านบาท) เฉพาะจากบริษัทเดียว เจพีมอร์แกน(JPMorgan) และสถาบันการเงินอีกหลายแห่งระบุว่าเหตุการณ์นี้อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญของตลาดในอนาคต
*ความคิดเห็น* จากบางฝ่ายในตลาดเตือนว่าผลกระทบจากการขายหุ้นอาจไม่ใช่ปัญหาเดียว ภาวะเงินทุนไหลออกจากบริษัทอาจทำให้มูลค่าบริษัทลดลงและเกิดวิกฤตสภาพคล่อง และอาจนำไปสู่การขายบิตคอยน์จำนวนมาก ส่งแรงกดดันโดยตรงต่อ *ตลาดคริปโต*
อย่างไรก็ตาม แนวคิดของเอ็มเอสซีไอก็กำลังเผชิญแรงต้าน โดยกลุ่มที่สนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น ‘Bitcoin For Corporations’ และภาคธุรกิจบางส่วนได้ออกแถลงการณ์ ต่อต้านเกณฑ์ ‘ถือสินทรัพย์เกิน 50%’ ว่าเป็นวิธีแบ่งประเภทที่ *เรียบง่ายเกินไป* และไม่สะท้อนธุรกิจจริง โดยระบุว่าควรพิจารณาตาม *วิธีดำเนินงาน* ไม่ใช่แค่จำนวนทรัพย์สินในพอร์ต
จนถึงขณะนี้มีผู้เข้าร่วมลงชื่อคัดค้านแล้วราว 1,200–1,300 ราย และบริษัทจำนวนหนึ่งได้ส่งความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรถึงเอ็มเอสซีไอเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคาดว่าจะมีบทบาทในการกำหนดทิศทางนโยบายในระยะต่อไป
*ความคิดเห็น*: เกณฑ์ใหม่นี้อาจส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลผันผวนโดยไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐาน และอาจสั่นคลอนทั้งตลาดการเงินแบบดั้งเดิมและตลาดคริปโตในเวลาเดียวกัน หากมีการเทขายทั้งหุ้นและบิตคอยน์พร้อมกันในวงกว้าง นักลงทุนควรจับตาการฟีดแบ็กจากภาคธุรกิจและความเคลื่อนไหวของกองทุนพาสซีฟอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0