MSCI พิจารณาถอดบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์(BTC) และสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากออกจากดัชนี ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์จากภาคธุรกิจ โดยเฉพาะจาก แฟง ลี(Phong Le) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทด้านสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง 'สเตรตจี(Strategy)' ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง โดยระบุว่า แนวทางดังกล่าวเป็น ‘การตัดสินใจแบบสายตาสั้น’ และอาจเป็นการขัดขวางนวัตกรรมอุตสาหกรรมในอนาคต
เมื่อวันที่ 12 สเตรตจีออกมาแสดงจุดยืน หลังจากมีรายงานว่า MSCI ศึกษาความเป็นไปได้ในการถอด ‘บริษัทที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล’ (หรือ DATs) ออกจากดัชนี โดยอิงเกณฑ์ว่าหากบริษัทถือครองคริปโตเกิน 50% ของทรัพย์สินรวม จะไม่เข้าเกณฑ์การรวมอยู่ในดัชนี ทั้งนี้ MSCI เริ่มเปิดรับฟังความเห็นต่อประเด็นนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา
แฟง ลี กล่าวกับเครือข่าย Schwab ว่า “แม้เราจะเคารพ MSCI ในฐานะผู้ให้บริการดัชนีชั้นนำ แต่ข้อเสนอนี้สะท้อนความเข้าใจผิด” พร้อมยกตัวอย่างเปรียบเทียบว่า การถอดบริษัทที่ถือบิตคอยน์ออกจากดัชนีเพียงเพราะตัวสินทรัพย์นั้น เหมือนกับการถอดบริษัทพลังงานอย่าง เชฟรอน ที่ถือครองน้ำมันออกจากดัชนี ซึ่งไม่สมเหตุสมผล
เขายังระบุเพิ่มเติมว่า “เชฟรอนถือครองน้ำมัน, ไวเยอร์เฮาเซอร์ถือครองไม้ และ ไซมอนพรอพเพอร์ตี้ถือครองอสังหาริมทรัพย์ เหล่านี้ต่างเคยเป็นสินทรัพย์หลักในอดีต แต่ไม่เคยถูกถอดจากดัชนีใด” พร้อมเน้นย้ำว่า บิตคอยน์ก็เป็น ‘สินทรัพย์แห่งอนาคต’ เช่นเดียวกับน้ำมันในยุค 1900, โครงข่ายการสื่อสารในยุค 1980 หรือ โครงสร้างพื้นฐานของ AI ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า MSCI กำลังพิจารณาจัดให้บริษัทประเภทดังกล่าวเป็น ‘กองทุนลงทุน’ มากกว่าเป็น ‘บริษัทดำเนินธุรกิจทั่วไป’ ซึ่ง แฟง ลี กล่าวว่า เป็นการวางกรอบด้วยมุมมองที่ผิดพลาด เพราะ สเตรตจี ไม่ได้เหลื่อมล้ำจากโครงสร้างกองทุน แต่เป็นบริษัทที่พัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมจริง
ความคิดเห็นในอุตสาหกรรมมองว่า การที่ MSCI มีท่าทีแบบนั้น อาจเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนด้านบัญชีและกฎระเบียบเกี่ยวกับคริปโต จึงดำเนินตามแนวทางที่ปลอดภัยที่สุด อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญระดับอุตสาหกรรมเชื่อว่า เมื่อมีบริษัทจดทะเบียนมากขึ้นที่ใช้ ‘บิตคอยน์’ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลัก จำเป็นต้องยืดหยุ่นการตีความเกณฑ์ เพื่อสะท้อนโลกการเงินที่เปลี่ยนไป
*ความคิดเห็น*: การถอดบริษัทที่ถือครองคริปโตออกจากดัชนีอย่าง MSCI อาจมีผลกระทบวงกว้างต่อมุมมองของสถาบันการเงินต่อสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งในระยะยาวอาจเป็นการจำกัดศักยภาพของอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น 0