สำนักงานควบคุมเงินตราสหรัฐ (OCC) เผยรายงานเบื้องต้นเมื่อวันที่ 8 (เวลาท้องถิ่น) ระบุว่า ธนาคารขนาดใหญ่ 9 แห่งในสหรัฐได้จำกัดการให้บริการทางการเงินแก่ภาคธุรกิจบางประเภท รวมถึง *อุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี* ตั้งแต่ปี 2020 ถึง 2023 แม้กิจกรรมของธุรกิจเหล่านั้นจะไม่ขัดต่อกฎหมายก็ตาม โดยธนาคารใช้แนวปฏิบัติในการปฏิเสธการเปิดบัญชี หรือกำหนดขั้นตอนขออนุมัติเพิ่มเติมในบางกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งอาจถือเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
การสอบสวนครั้งนี้เกิดขึ้นตามคำสั่งของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ที่ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อเดือนสิงหาคม 2023 เพื่อให้ OCC ตรวจสอบว่า ธนาคารสหรัฐมีการจำกัดบริการทางการเงินแก่บุคคลหรือองค์กรใด ๆ อันเนื่องมาจากเหตุผลทางการเมืองหรือศาสนาหรือไม่
*รายงานจาก OCC* ยังระบุด้วยว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการจำกัดเหล่านี้ ได้แก่ อุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี การสำรวจน้ำมันและก๊าซ เหมืองถ่านหิน การผลิตอาวุธปืน เรือนจำเอกชน การผลิตยาสูบและบุหรี่ไฟฟ้า ตลอดจนธุรกิจบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่ โดยในกรณีของคริปโต บริษัทที่ดำเนินการด้านการออกเหรียญ, กระดานเทรด และผู้ดูแลสินทรัพย์ มักตกเป็นเป้าหมายของการจำกัดบริการภายใต้เหตุผลเรื่อง ‘ความเสี่ยงด้านอาชญากรรมทางการเงิน’
OCC ชี้ว่า การที่สถาบันการเงินกำหนดนโยบายจำกัดบริการต่อทั้งภาคอุตสาหกรรม หรือใช้ขั้นตอนภายในที่เข้มงวดจนเกินไป ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และอาจเป็นการขัดขวางไม่ให้ธุรกิจที่ทำถูกกฎหมายสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างเป็นธรรม
*ความคิดเห็น*: ผลการสืบสวนครั้งนี้ช่วยตอกย้ำข้อสงสัยว่า ธนาคารบางแห่งในสหรัฐอาจใช้ดุลพินิจของตนอย่างไม่โปร่งใสในการ ‘จำกัดการธนาคาร (Debanking)’ ต่ออุตสาหกรรมที่พิจารณาว่าอ่อนไหวหรือมีความเสี่ยงสูง ทั้งที่ไม่ได้กระทำผิดกฎหมายโดยตรง
ทั้งนี้ ในกรณีของบริษัท *คริปโตเคอร์เรนซี* บางราย แม้จะไม่มีข้อกล่าวหาเรื่องการกระทำผิด แต่ก็อาจถูกจัดอยู่ในหมวดความเสี่ยงอัตโนมัติ ทำให้ถูกตัดสิทธิเข้าถึงระบบการเงินโดยไม่มีความชัดเจน
*ความคิดเห็น*: การเปิดเผยรายงานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่อาจส่งผลให้เกิดแรงผลักดันให้มีการกำกับดูแลที่โปร่งใสมากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังอาจเร่งให้ผู้ประกอบการในภาคสินทรัพย์ดิจิทัลหันไปพึ่งพาทางเลือกทางการเงินแบบ *ไร้ตัวกลาง (DeFi)* มากยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากโครงสร้างธนาคารแบบดั้งเดิม
ความคิดเห็น 0