ท่ามกลางกระแสดิจิทัลที่เร่งตัวขึ้น การเปลี่ยนแปลงของคำว่า ‘กระเป๋าสตางค์’ กำลังเข้าสู่ยุคใหม่อย่างเต็มตัว ‘กระเป๋าสตางค์ดิจิทัล’ หรือ *Digital Wallet* กลายเป็นศูนย์กลางในการยืนยันตัวตน ชำระเงิน และเข้าถึงบริการดิจิทัลในทุกมิติ เป็นเหมือนประตูหลักสู่โลกดิจิทัล
อีอวิ่น เฉิน(Eowyn Chen) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของทรัสต์วอลเล็ต(Trust Wallet) เปิดเผยในบทความล่าสุดว่า กระเป๋าสตางค์ดิจิทัลกำลังพัฒนาไปไกลเกินกว่าจะเป็นเพียงที่เก็บคริปโต โดยเปรียบเทียบว่า กระเป๋าสตางค์ดิจิทัลยุคใหม่นั้นอาจกลายเป็นเหมือน ‘หนังสือเดินทางดิจิทัล’ ที่รวมศูนย์การยืนยันตัวตน ทรัพย์สิน และสิทธิการใช้งานบริการต่าง ๆ ของผู้ใช้ เขากล่าวว่า “เช่นเดียวกับที่พาสปอร์ตช่วยให้เราข้ามพรมแดนได้ กระเป๋าสตางค์ดิจิทัลก็จะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับเศรษฐกิจออนไลน์ระดับโลก”
ขณะนี้ สหภาพยุโรป(EU) ได้เริ่มเคลื่อนไหวในทิศทางนี้อย่างชัดเจน โดยในปี 2024 จะมีการบังคับใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับ ‘กระเป๋าสตางค์ดิจิทัลเพื่อยืนยันตัวตน’ ที่จะเปิดโอกาสให้พลเมืองสามารถจัดเก็บเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ และประวัติสุขภาพไว้ในแอปเดียวแบบปลอดภัย ทำให้การยืนยันตัวตนทางดิจิทัลสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ในขณะเดียวกัน *กระเป๋าสตางค์สำหรับคริปโต* ก็มีบทบาทมากขึ้นเช่นกัน ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า จำนวนผู้ใช้งานทั่วโลกที่ใช้ *กระเป๋าสตางค์คริปโตแบบมือถือ* พุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 36 ล้านราย ซึ่งสะท้อนถึงการใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น จากแค่เก็บโทเคน กลายมาเป็นประตูสู่แอปพลิเคชันแบบไร้ศูนย์กลาง(NFT, DApps) การทำ KYC และการยืนยันตัวตน ทำให้กระเป๋าสตางค์ดิจิทัลกลายเป็นศูนย์รวมกิจกรรมใน *ระบบนิเวศดิจิทัลแบบกระจายศูนย์*
*ความคิดเห็น* ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การพัฒนาของกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลจะส่งผลอย่างมีนัยต่อ *อธิปไตยข้อมูล* และ *การบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล* เพราะจะเปลี่ยนจากระบบแพลตฟอร์มรวมศูนย์ ไปสู่ระบบที่ผู้ใช้เป็นเจ้าของข้อมูลของตัวเอง เฉินระบุว่า “กระเป๋าสตางค์ดิจิทัลจะกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้ใครก็ตามเข้าถึงอิสรภาพดิจิทัลได้จากทุกที่” พร้อมย้ำว่าเทคโนโลยีนี้อาจเขียนนิยามใหม่ให้กับอินเทอร์เน็ตในอนาคตเลยทีเดียว
ความคิดเห็น 0