ธนาคารกลางยุโรป(ECB) อาจต้องพิจารณา *สเตเบิลคอยน์* ไม่ใช่แค่สินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นแหล่งกำเนิดของ *แรงสะเทือนทางเศรษฐกิจมหภาค* ได้ในอนาคต ตามคำเตือนล่าสุดจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง
โอลาฟ สเลย์เพน ผู้ว่าการธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์ ให้สัมภาษณ์กับ Financial Times เมื่อไม่นานนี้ โดยระบุว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของ *สเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐ* กำลังเข้าสู่ระดับที่ *อาจส่งผลกระทบสำคัญต่อระบบการเงินของยุโรปโดยรวม* เขายังแสดงความกังวลว่า หากโทเคนเหล่านี้เกิดความไม่มั่นคง อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อ *เสถียรภาพทางการเงิน, เศรษฐกิจจริง,* และ *เงินเฟ้อ*
สเลย์เพนกล่าวว่า “หาก *สเตเบิลคอยน์ไม่สามารถคงความมีเสถียรภาพ* ได้จริง อาจทำให้ต้องขายสินทรัพย์รองรับอย่างเร่งด่วน ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อทั้งตลาด” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกิด *การเทขายจำนวนมาก* ซึ่งมักก่อให้เกิดความตึงเครียดในตลาดในวงกว้าง และทำให้แรงสั่นสะเทือนขยายวงกว้างขึ้น
หากเกิดเหตุการณ์ *วิกฤติสภาพคล่อง* ในระดับนี้จริง ธนาคารกลางยุโรปอาจจำเป็นต้อง *ทบทวนนโยบายการเงิน* ใหม่ อย่างไรก็ตาม สเลย์เพนระบุว่า ทิศทางของดอกเบี้ยนโยบายจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้น และไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าจะต้องขึ้นหรือลดดอกเบี้ย
ความเห็นของสเลย์เพนครั้งนี้ *สะท้อนการเปลี่ยนบทบาทของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างสเตเบิลคอยน์* ว่าไม่ใช่เพียงแค่ ‘ประเด็นชายขอบ’ ทางกฎหมายอีกต่อไป แต่กลายเป็น *ตัวแปรเชิงโครงสร้างที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจจริงและนโยบายการเงินโดยตรง* โดยเฉพาะเมื่อตลาดฝั่งยุโรปมีการถือครองสินทรัพย์ที่อิงกับเงินดอลลาร์เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้การกำหนดนโยบายของ ECB มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น
*ความคิดเห็น*: ความเห็นของสเลย์เพนถือเป็น *การส่งสัญญาณเตือนที่สำคัญ* ต่อธนาคารกลางทั่วโลกว่า การบริหารเสถียรภาพระบบการเงินในยุคแห่งคริปโต เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป
ความคิดเห็น 0