อีเธอเรียม(ETH) เข้าสู่ภาวะ ‘แนวโน้มขาลง’ อย่างชัดเจนในช่วงเดือนพฤศจิกายน โดยราคาร่วงลงกว่า 20% และกำลังทดสอบระดับแนวรับ 3,000 ดอลลาร์ (ราว 390,000 บาท) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สถานการณ์นี้สะท้อนว่าการปรับฐานระยะสั้นกำลังเข้าสู่ช่วงรุนแรงมากขึ้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน ระบุว่า อีเธอเรียมเริ่มลดลงจากประมาณ 3,900 ดอลลาร์ (ราว 507,000 บาท) ลงมาแตะระดับใกล้ 3,000 ดอลลาร์ โดยมีลักษณะราคาติดแนวโน้ม ‘จุดสูงต่ำลงและจุดต่ำใหม่’ อย่างต่อเนื่องบนกราฟรายวัน ซึ่งเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้ถึง ‘ภาวะอ่อนแอ’ ในภาพรวม
อย่างไรก็ตาม หากมองระยะยาว แนวโน้มของอีเธอเรียมยังมีแง่บวกให้จับตา โดยดัชนี Mayer Multiple ซึ่งใช้วัดสภาพตลาดของอีเธอเรียม ปรับลดลงมาต่ำกว่า 1 จุด ซึ่งมักปรากฏในช่วง ‘โซนสะสม’ หรือจุดต่ำสุดของรอบราคาในอดีต ถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าตลาดอาจอยู่ในจุดที่ ‘นักลงทุนระยะยาว’ เริ่มมองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ
ในด้านตลาดอนุพันธ์ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิด ‘ความผันผวนเพิ่มขึ้น’ แม้ว่าปริมาณเลเวอเรจจะถูกระบายออกไปในบางส่วนแล้ว แต่ยังคงมีระดับ ‘สภาพคล่องสะสม’ ที่บริเวณ 2,900 ดอลลาร์ (ราว 377,000 บาท) และ 2,760 ดอลลาร์ (ราว 359,000 บาท) หากราคาทดสอบหรือทะลุผ่านระดับเหล่านี้ มีโอกาสสูงที่จะเกิดแรงเหวี่ยงของราคาในระยะสั้น
แม้แรงกดดันระยะสั้นอาจยังคงอยู่ แต่อีเธอเรียมที่เข้าสู่ ‘ช่วงสะสม’ ทางเทคนิค ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการฟื้นตัว ซึ่งต้องติดตามต่อว่ากราฟ ‘ออนเชน’ และแนวรับเทคนิคจะสามารถยืนอยู่ได้หรือไม่ ความเคลื่อนไหวต่อไปจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดในระยะกลางถึงยาว
ความคิดเห็น 0