นักลงทุนบิตคอยน์(BTC) รายใหญ่เทขาย 6,813 BTC ในหนึ่งสัปดาห์ กดดันตลาดให้อ่อนตัวลง
ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่า 90,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ นักลงทุนมักลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงและเปลี่ยนไปถือเงินสดแทน
ตามข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน ‘ซานติเมนท์’ (Santiment) กระเป๋าเงินที่ถือบิตคอยน์มากกว่า 10 BTC ได้เทขายรวมกันถึง 6,813 BTC ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นการขายครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีก่อน ในขณะเดียวกัน ราคาบิตคอยน์ปรับตัวลดลงถึง 16% แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างแรงเทขายของนักลงทุนรายใหญ่กับการปรับฐานของตลาด
นอกจากนี้ กองทุน ETF บิตคอยน์แบบสปอต ซึ่งได้รับความนิยมจากนักลงทุนสถาบัน ก็กำลังเผชิญกับกระแสเงินทุนไหลออกอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์เพียงวันเดียว มีเงินทุนไหลออกถึง 744 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.07 แสนล้านวอน) ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของตลาด ผู้เชี่ยวชาญบางรายเตือนว่าหากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป ราคาบิตคอยน์อาจกลับไปทดสอบแนวรับที่ 70,000 ดอลลาร์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของแนวโน้มระยะยาวยังมีมุมมองเชิงบวก ‘ชาปู’ (Chapo) ซีอีโอของ Assure DeFi และนักวิเคราะห์คริปโต เชื่อว่า ตัวชี้วัด MVRV (Market Value to Realized Value) ชี้ให้เห็นถึงโอกาสของภาวะตลาดกระทิง โดยปัจจุบัน ค่า MVRV อยู่ที่ 2.09 หมายความว่านักลงทุนโดยเฉลี่ยมีผลตอบแทนจากต้นทุนมากกว่าสองเท่า
ประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่าเมื่อค่า MVRV สูงขึ้น มีแนวโน้มที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสูงสุด ชาปูคาดการณ์ว่าในรอบนี้ ค่า MVRV อาจแตะ 3.2 และแนวโน้มขาขึ้นอาจดำเนินต่อไปจนถึงปี 2025 โดยย้ำว่า "MVRV เคยระบุจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดของตลาดได้อย่างแม่นยำหลายครั้ง ดังนั้น นักลงทุนควรจับตาดูความเคลื่อนไหวของตัวชี้วัดนี้อย่างใกล้ชิด"
แม้ว่าความผันผวนของบิตคอยน์ยังคงสูง แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาว การศึกษาสัญญาณทางเทคนิคและการบริหารความเสี่ยงยังคงเป็นสิ่งสำคัญ
ความคิดเห็น 0