สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณด้านกลาโหม (NDAA) ประจำปี 2024 มูลค่า 9 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,325 ล้านล้านวอน ในการลงมติเมื่อวันที่ 12 (เวลาท้องถิ่น) แต่กลับไม่มีการรวม *ข้อห้ามในการออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC)* ไว้ในกฎหมายดังกล่าว ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมในพรรครีพับลิกัน
คีธ เซลฟ์(Keith Self) ส.ส.จากพรรครีพับลิกัน เปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า "เราในฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้รับคำสัญญาชัดเจนว่าจะรวม *ข้อห้าม CBDC* ไว้ใน NDAA แต่สุดท้ายกลับไม่ได้รับการบรรจุจริงตามที่ตกลงกันไว้" พร้อมทั้งระบุว่า เขายินยอมให้ความร่วมมือกับร่างกฎหมายภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว แต่ตอนนี้ "ทุกอย่างเป็นแค่การบังคับให้ยอมรับ" และส่งสัญญาณเตรียมถอนการสนับสนุน
ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านสภาด้วยคะแนนเสียง 312 ต่อ 112 และกำลังถูกส่งต่อไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณาให้ทันก่อนสิ้นปี โดย *ข้อกำหนดห้ามธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ออกเงินดิจิทัลรูปแบบใดๆ* ได้ถูกถอดออกจากร่างขั้นสุดท้าย แม้ว่า ส.ส.เซลฟ์ จะยื่นคำแก้ไขเพื่อรื้อฟื้นประเด็นนี้ แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณาในการลงมติของสภา
เซลฟ์ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมเมื่อวันที่ 11 ย้ำว่า มีการรับรองจากผู้มีอำนาจว่าจะมีการระบุชัดเจนในกฎหมายว่า "ห้ามดำเนินการจัดตั้ง *ดอลลาร์ดิจิทัล* แต่เมื่อกฎหมายฉบับสุดท้ายเผยแพร่ออกมากลับไม่มีเนื้อหาดังกล่าวอยู่เลย" นำไปสู่ความไม่พอใจและความกังวลเรื่องการเพิ่มอำนาจควบคุมของรัฐบาลในหมู่อนุรักษ์นิยม
ทั้งนี้ กระแสคัดค้าน CBDC ภายในพรรครีพับลิกันยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยชี้ว่า สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางเป็นการ *ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเพิ่มความสามารถในการควบคุมทางการเงิน* ของรัฐบาล โดย *ประธานาธิบดีทรัมป์* เองก็เคยยืนยันเมื่อต้นปีนี้ว่า "จะไม่อนุญาตให้มีการใช้ CBDC ตลอดระยะเวลาที่เขาดำรงตำแหน่ง"
"ความคิดเห็น" ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นถึง *ความอ่อนไหวทางการเมืองของประเด็น CBDC* ที่เริ่มแทรกซึมเข้ามาในร่างกฎหมายสำคัญอย่าง NDAA ซึ่งเป็นเครื่องมือกำหนดงบประมาณและนโยบายด้านกลาโหมของสหรัฐฯ รายงานระบุว่า ทิศทางของ *ดอลลาร์ดิจิทัล* อาจกลายเป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่แค่ในด้านเทคโนโลยี แต่รวมถึงการเมือง ความมั่นคง และการกำหนดนโยบายโดยรวม
"ความคิดเห็น" นักวิเคราะห์ตลาดมองว่า ความล่าช้าในการรับรองหรือคัดค้านแนวคิด CBDC อาจเป็น *สัญญาณเชิงบวก* ต่อระบบคริปโตแบบกระจายศูนย์ เช่น ดีไฟ (DeFi) หรือบริการทางการเงินบนบล็อกเชนของเอกชน และอาจกระตุ้นความต้องการใช้งานเพิ่มสูงขึ้น หากการเมืองสหรัฐฯ ยังคงคัดค้านสกุลเงินดิจิทัลจากภาครัฐต่อไป
นอกจากนี้ ประเด็น *กฎหมายและนโยบายเกี่ยวกับ CBDC* ไม่น่าจะจำกัดอยู่เพียงแค่สหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงที่การเมืองเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งอาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญในนโยบายการเงินระยะสั้นของรัฐบาลในแต่ละประเทศด้วย
ความคิดเห็น 0