ความตึงเครียดทางการเมืองในโปแลนด์ปะทุขึ้นอีกครั้งหลังเกิดความขัดแย้งเรื่องกฎหมายควบคุมคริปโต ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและประธานาธิบดี หลังจากรัฐสภาเสนอร่างกฎหมายคริปโตฉบับเดิมซ้ำอีกครั้ง แม้จะเคยถูกประธานาธิบดี ‘คาโรล นาฟรอซกี’ คัดค้านไปก่อนหน้านี้ โดยมุ่งหวังปรับให้สอดรับกับกฎหมาย MiCA ของสหภาพยุโรป
เมื่อวันที่ 24 ส.ส.จากพรรคโพลสกา2050 ซึ่งเป็นพรรคสมาชิกของพรรคร่วมรัฐบาล ได้รื้อฟื้นร่างกฎหมายที่มีเป้าหมายกำหนดให้สำนักงานกำกับดูแลการเงินของโปแลนด์เป็นหน่วยงานควบคุมภาคอุตสาหกรรมคริปโตในประเทศ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญก่อนถึงเส้นตายการบังคับใช้กฎหมาย MiCA ในเดือนกรกฎาคม ปี 2026
ถึงแม้ อดัม โกโมลา สมาชิกพรรคโพลสกา2050 ผู้นำเสนอร่างกฎหมาย จะอ้างว่า ‘ร่างกฎหมาย 2050’ ฉบับนี้มีการปรับปรุงจากฉบับเดิมที่ชื่อ ‘ร่างกฎหมาย 1424’ แต่โฆษกรัฐบาล อดัม ชแวปกา กลับแย้งว่าร่างใหม่นี้ "ไม่มีการเปลี่ยนแม้แต่เครื่องหมายจุลภาค" พร้อมชี้ว่าเป็นการเสนอร่างกฎหมายฉบับเดิมโดยไม่มีการแก้ไขใดๆ อย่างแท้จริง
ร่างกฎหมายดังกล่าวกลายเป็นประเด็นวิจารณ์จากทั้งฝ่ายการเมืองและผู้สนับสนุนคริปโต โดยโทมัสซ์ เมนซ์เซน จากพรรคคอนเฟเดอราเซีย ซึ่งมีจุดยืนเสรีนิยม กล่าวว่า “รัฐบาลได้หยิบยกร่างกฎหมายคริปโตฉบับเดิมมาอีกครั้ง ทั้งที่มันคือเอกสารความยาว 84 หน้า ที่เต็มไปด้วย ‘การควบคุมเกินขอบเขต’” พร้อมชี้ว่าหลายประเทศในอียู เช่น ฮังการีและโรมาเนีย มีการใช้กฎหมายที่เรียบง่ายยิ่งขึ้น
โปแลนด์จึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะการผ่านหรือหยุดชะงักของร่างกฎหมายนี้ ไม่เพียงส่งผลต่อภายในประเทศ แต่ยังอาจกระทบต่อการเตรียมความพร้อมระดับอียูในการบังคับใช้ MiCA ซึ่งออกแบบให้เป็นกรอบควบคุมมาตรฐานเดียวสำหรับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วทั้งสหภาพยุโรป
‘ความคิดเห็น’: การที่ร่างกฎหมายถูกคว่ำโดยประธานาธิบดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือด้านการจัดการและควบคุมอุตสาหกรรมคริปโตของโปแลนด์ และทำให้ธุรกิจทั้งในและต่างประเทศเผชิญความไม่แน่นอนมากขึ้น
กฎหมาย MiCA หรือ *Markets in Crypto-Assets regulation* คือกรอบควบคุมสินทรัพย์คริปโตระดับอียู ซึ่งกำหนดมาตรฐานชัดเจนสำหรับผู้ให้บริการและผู้ออกเหรียญดิจิทัล โดยทุกประเทศสมาชิกต้องนำกฎหมายนี้ไปใช้ภายในเดือนกรกฎาคม ปี 2026 ทั้งนี้ ประเทศที่จัดการล่วงหน้าได้ก่อน อาจได้เปรียบในเชิงการแข่งขันและดึงดูดนักลงทุนในระยะยาว
ความคิดเห็น 0