ETHZilla(ETHZ) ทุ่ม 21.1 ล้านดอลลาร์ เข้าลงทุน Zippy ดันสินเชื่อบ้านเข้าสู่โลกบล็อกเชน

สตาร์ทอัพสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ‘ETHZilla(ETHZ)’ กำลังเร่งขยายเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์จริง(RWA) โดยล่าสุดบริษัทได้เข้าซื้อหุ้น 15% ในแพลตฟอร์มสินเชื่อจำนองบ้านดิจิทัลของสหรัฐอเมริกา ‘Zippy’ พร้อมประกาศแผนว่าจะเปลี่ยนโฉมธุรกิจสินเชื่อบ้านแบบประกอบล่วงหน้าให้เข้าสู่ระบบ ‘ออนเชน’ หรือระบบที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชน

การลงทุนในครั้งนี้ ETHZilla ทุ่มเงินรวมกว่า 21.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 309.2 พันล้านวอน) โดยแบ่งเป็นเงินสด 5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 73.2 พันล้านวอน) และอีก 16.1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 236 พันล้านวอน) เป็นหุ้นของบริษัท ทำให้ ETHZilla ได้รับสิทธิในการออกเสียงลงคะแนนในคณะกรรมการบริหารของ Zippy รวมถึงสิทธิในการดูแลเรื่องโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน การออกสินทรัพย์ดิจิทัล และการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน ในช่วงระยะเวลา 36 เดือนข้างหน้า

Zippy เป็นบริษัทฟินเทคในสหรัฐที่ก่อตั้งเมื่อปี 2021 โดยเน้นให้บริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยแบบประกอบล่วงหน้าผ่านระบบดิจิทัล ความร่วมมือครั้งนี้จะรวมระบบปัญญาประดิษฐ์ของ Zippy เข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชนของ ETHZilla เพื่อแปลงสินเชื่อเหล่านี้ให้อยู่ในรูปแบบโทเคนบนเครือข่ายบล็อกเชน พร้อมผลักดันให้เข้าถึงนักลงทุนสถาบันในตลาดรอง

ETHZilla ถือครองอีเธอเรียม(ETH) ในคลังมากเป็นอันดับ 6 ของโลกในปัจจุบัน และกำลังเดินหน้าลุยตลาด RWA อย่างเป็นรูปธรรม โดยดีลครั้งนี้นับเป็นการลงทุนครั้งที่สองภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ แสดงให้เห็นถึงแผนการรุกตลาดอย่างจริงจัง ETHZilla ระบุว่า “การเข้าถือหุ้น Zippy ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการบูรณาการระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์จริง” พร้อมเสริมว่า “คาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสภาพคล่องในธุรกิจสินเชื่อบ้านแบบประกอบล่วงหน้าได้อย่างมหาศาล”

ความร่วมมือดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนเริ่มเข้ามามีบทบาทในภาคการเงินที่ถือว่ามีความอนุรักษ์นิยมสูง อย่างตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ ตลาดสินทรัพย์จริง(RWA) ได้กลายเป็นจุดเชื่อมระหว่างคริปโต เช่น บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH) และระบบการเงินแบบดั้งเดิมในรูปแบบใหม่

‘ความคิดเห็น’ กลยุทธ์ของ ETHZilla ในการผนวกเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ากับโมเดลธุรกิจแบบเดิม โดยเฉพาะในสินทรัพย์ที่มีความต้องการสูงแต่เข้าถึงยาก เช่น บ้านแบบประกอบ สำเร็จได้ อาจสร้างโมเดลใหม่ที่ยั่งยืนและขยายต่อได้ในตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในระดับโลก