Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ลิเบียกลายเป็นศูนย์กลางลับการขุดบิตคอยน์(BTC) ท่ามกลางปัญหาไฟฟ้าและข้อกฎหมายกำกวม

ลิเบียกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ลับของอุตสาหกรรม ‘ขุดบิตคอยน์(BTC)’ ด้วยไฟฟ้าราคาถูกที่รัฐอุดหนุนอย่างหนัก ทำให้แม้แต่เครื่องมือรุ่นเก่าที่ไร้ต้นทุนก็ยังสามารถทำกำไรได้ จากข้อมูลของ Cambridge Centre for Alternative Finance ระบุว่า ในปี 2021 ลิเบียสามารถผลิตอัตราแฮช (hash rate) ได้ถึง 0.6% ของโลก ซึ่งแซงหน้าทุกประเทศในกลุ่มอาหรับและแอฟริกา รวมถึงบางประเทศในยุโรป

ต้นเหตุของความเฟื่องฟูนี้คือไฟฟ้าที่บางรายงานประเมินว่ามีราคาต่ำถึง 0.004 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อย่างไรก็ตาม ความกำกวมทางกฎหมายกลับเปิดช่องให้อุตสาหกรรมนี้เติบโต นับตั้งแต่มีคำเตือนจากธนาคารกลางลิเบียในปี 2018 ที่ประกาศว่า ‘คริปโตเคอร์เรนซีเป็นสิ่งผิดกฎหมายในการใช้งานหรือซื้อขาย’ แต่กฎหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการขุดกลับยังไม่มี ทำให้อุตสาหกรรมดังกล่าวยังดำเนินอยู่ในเงามืด

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2025 (เวลาท้องถิ่น) สื่อท้องถิ่นรายงานว่า อัยการลิเบียสั่งจำคุก 3 ปีแก่ผู้ต้องหา 9 คนจากกรณีขุดบิตคอยน์ในโรงงานเหล็กในเมืองซลีเตน พร้อมสั่งยึดเครื่องขุดและผลกำไรคืนให้รัฐ เหตุการณ์นี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายคดีที่มีการบุกยึดฟาร์มขุด ตั้งแต่เบงกาซีถึงมิสราตา โดยเฉพาะในปี 2024 ที่ทางการจับกุมชาวจีน 50 คน พร้อมยึดเครื่องขุดกว่า 1 แสนเครื่อง

*ความคิดเห็น*: ความเคลื่อนไหวเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ชี้ให้เห็นว่า รัฐตระหนักถึงภาระที่การขุดคริปโตฯ ก่อให้แก่โครงสร้างพื้นฐานที่อ่อนแออยู่แล้ว โดยในช่วงที่ภาคพลังงานต้องเผชิญกับปัญหาไฟฟ้าดับสูงสุดถึง 18 ชั่วโมงต่อวัน การที่กิจกรรมการขุดกินไฟฟ้าราว 2% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศย่อมไม่อาจมองข้ามได้

แม้รัฐจะออกนโยบายอย่างคำสั่งห้ามนำเข้าเครื่องขุดในปี 2022 และอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านการออกกฎหมายอาชญากรรมไซเบอร์ใหม่ ๆ แต่ความคลุมเครือยังครองบทบาทหลัก เช่นที่ นาดิยา โมฮัมเหม็ด นักกฎหมายให้สัมภาษณ์กับสื่อ The New Arab ว่า การขุดยังไม่ถูกกำหนดว่าผิดกฎหมายอย่างชัดเจน

ขณะเดียวกัน ภาพที่สะท้อนจากรายงานในพื้นที่อย่างเบงกาซีและตริโปลี คือกลุ่มผู้ขุดนำเครื่อง ASIC ที่ลักลอบนำเข้า มาติดตั้งในโกดัง โรงงานเก่า หรืออาคารร้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ มีการเทปูนปกคลุมเครื่องบางส่วนเพื่อป้องกันไม่ให้ตรวจจับได้ด้วยกล้องจับความร้อน

ข้อมูลจากการไฟฟ้าลิเบีย (GECOL) ยังเปิดเผยอีกว่า ประเทศอาจสูญเสียพลังงานถึง 40% ก่อนจะส่งถึงบ้านเรือน จากปัญหาโครงข่ายเสียหาย โจรกรรมสายไฟ และอุปกรณ์ล้าสมัย ทำให้การใช้พลังงานอย่างผิดกฎหมายจากการขุด ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อภาคประชาชนอย่างชัดเจน

คำถามสำคัญที่ค้างอยู่ คือ รัฐบาลควร ‘ควบคุมและเก็บภาษี’ หรือ ‘สั่งปิดและปราบปราม’? นักเศรษฐศาสตร์ในประเทศชี้ว่า รัฐควรออกใบอนุญาตและเก็บภาษี จากกิจกรรมที่มีอยู่จริงเพื่อสร้างรายได้ใหม่ ขณะที่เจ้าหน้าที่การเงินและระบบธนาคารกลับกังวลเรื่องช่องโหว่ของการฟอกเงินและการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ

ตัวอย่างที่ใกล้เคียงในภูมิภาค เช่น แอลจีเรียที่สั่งห้ามคริปโตฯ อย่างเบ็ดเสร็จ และอิหร่านที่ออกใบอนุญาตเป็นรายกรณี ล้วนแสดงให้เห็นว่า การมีนโยบายชัดเจนนั้นสำคัญต่อการควบคุมอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานหนาแน่นอย่างมาก

ท้ายที่สุด สิ่งที่รัฐบาลลิเบียต้องเผชิญ คือการตัดสินใจครั้งใหญ่ ว่าจะ ‘บูรณาการการขุดคริปโตฯ’ เข้าในระบบเศรษฐกิจและพลังงานอย่างจริงจัง หรือจะใช้แนวทางปราบปรามซ้ำซากที่ไม่อาจแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน

*ความคิดเห็น*: ในระยะยาว ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐอาจได้รับผลกระทบ หากเห็นความไม่ชัดเจนและไม่โปร่งใสของนโยบายต่อเทคโนโลยีใหม่อย่าง Bitcoin ในประเทศที่กำลังดิ้นรนทั้งด้านพลังงาน เศรษฐกิจ และการเมืองเช่นนี้

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1