กองทุน ETF ของริปเปิล(XRP) กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันทั่วโลก รวมถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญและบริษัทประกัน โดยมีการวิเคราะห์ว่าความเรียบง่ายของโครงสร้างกองทุนและความสามารถในการควบคุมตามกฎระเบียบของ ETF เหล่านี้ กำลังเป็น ‘ตัวเร่ง’ สำคัญที่กระตุ้นให้เงินทุนจากภาคการเงินแบบดั้งเดิมไหลเข้าสู่ตลาดคริปโต
เมื่อเร็วๆ นี้ สตีเวน แมคเคลิร์ก(Steven McClurg) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทการลงทุนแคแนรี แคปิทอล เปิดเผยผ่านพอดแคสต์ Wealthion ว่า “กองทุน ETF ของริปเปิลช่วงเริ่มต้นได้รับการสนับสนุนจากผู้ลงทุนรายย่อย แต่ภายในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ได้มีคำถามจากนักลงทุนรายใหญ่ทั่วโลก ทั้งกองทุนบำเหน็จและบริษัทประกันที่สนใจเข้าร่วม” เขายังชี้ให้เห็นว่า ริปเปิลเป็นสินทรัพย์ที่ตลาดวอลล์สตรีทและทุนระดับโลกเข้าใจได้ง่าย อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็น ‘โครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงิน’ ที่สำคัญในระบบการเงินสมัยใหม่
แม้กองทุน ETF จะเริ่มต้นจากกลุ่มผู้ลงทุนรายย่อย แต่แคแนรีมองว่านักลงทุนสถาบันคือ ‘ตลาดเป้าหมายหลักลำดับถัดไป’ โดยแมคเคลิร์กอธิบายว่า ปัจจุบันกว่า 70% ของเงินทุนที่ไหลเข้า ETF ดังกล่าวเป็นทุนประเภท ‘Fast Money’ ซึ่งเน้นความเร็วในการซื้อขาย ส่วนที่เหลืออีก 20–30% มาจากเงินลงทุนของนักลงทุนรายย่อยที่ใช้งานผ่านโบรกเกอร์ อย่างไรก็ตามในระยะยาว เขามองว่ากลุ่มลูกค้าหลักจะเปลี่ยนมาเป็นนักวางแผนการเงินและผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดสรรสินทรัพย์
เขาเน้นว่า ‘โครงสร้างที่เรียบง่าย’ และ ‘ความสะดวกในการถือครองผ่านบัญชีโบรกเกอร์’ ทำให้ ETF ของริปเปิลสามารถผสานเข้าระบบการลงทุนแบบดั้งเดิมได้อย่างไม่สะดุด
นอกจากนี้ กองทุน ETF ยังมีข้อได้เปรียบเชิงเศรษฐกิจหลายประการ เมื่อเทียบกับการซื้อขายเหรียญคริปโตโดยตรง แมคเคลิร์กเผยว่า นักลงทุนรายย่อยมักเสียค่าธรรมเนียมสูงถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อรายการเมื่อซื้อขายในตลาดทั่วไป ขณะที่ ETF ของริปเปิลมีค่าธรรมเนียมบริหารรายปีเพียง 1% และมี ‘ส่วนต่างราคาเสนอซื้อ-ขาย (สเปรด)’ ที่ต่ำมากเพียงไม่กี่เซ็นต์ เรียกได้ว่า ‘ประหยัดต้นทุนและลดแรงเสียดทานทางธุรกรรม’ อย่างมีนัยสำคัญ
“ความคิดเห็น: ความง่ายในการเข้าถึงใช้งานและความคุ้นเคยกับระบบเดิม ทำให้ ETF เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ถนัดใช้งานคริปโตโดยตรง”
อีกหนึ่งจุดแข็งของ ETF ดังกล่าวอยู่ที่ ‘โอกาสเก็งกำไรจากส่วนต่างราคาระหว่างตลาดสปอตและตลาดฟิวเจอร์ส’ หรือที่เรียกว่า ‘เบสซิสเทรด’ (Basis Trade) โดยแมคเคลิร์กอธิบายว่า หากมีช่องว่างระหว่างราคาริปเปิลในตลาดสปอตเทียบกับฟิวเจอร์ส ETF จะเสนอทางเลือกในการเก็งกำไรจากความต่างนี้ได้
เขาระบุว่าในขณะที่กองทุน ETF ของบิตคอยน์(BTC) เผชิญการไหลออกของเงินทุนในช่วงที่ช่องว่างราคาเบาบางลง ETF ของริปเปิลกลับมีเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดจะอยู่ในช่วงขาลง “ตั้งแต่เปิดตัว ETF นี้ยังไม่เคยมีวันไหนที่เงินไหลออกเลย — เป็นแนวโน้ม ‘การซื้อสุทธิ’ ที่ชัดเจนและแข็งแกร่งมาก” เขากล่าว
ETF กำลังกลายเป็น ‘จุดเชื่อมกลาง’ ของเม็ดเงินระหว่างภาคการเงินแบบดั้งเดิมและวงการคริปโตมากกว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมล้ำยุคตัวใหม่ และในกรณีของริปเปิล ซึ่งเป็นคริปโตที่มีกรณีใช้งานที่ชัดเจนและมีความต้องการในตลาดสูง ความคาดหวังคือ การไหลเข้าเพิ่มเติมจากนักลงทุนสถาบันจะไม่หยุดเพียงเท่านี้
ณ เวลาที่จัดทำรายงาน ริปเปิล(XRP) ซื้อขายอยู่ที่ 1.92 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,846 บาท
ความคิดเห็น 0