รัสเซียเปิดเผยว่าอยู่ระหว่างหารือกับสหรัฐเพื่อดำเนินการร่วมกันในการบริหารโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียของยูเครน โดยมีเป้าหมายเพื่อนำพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ไปใช้ในการขุดบิตคอยน์(BTC) ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่คาดว่าจะสร้างกระแสคัดค้านอย่างรุนแรงจากยูเครนและประชาคมระหว่างประเทศ เนื่องจากเป็นความพยายามแปรเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานให้กลายเป็นอาวุธในสงคราม
รายงานจากสื่อรัสเซียระบุว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวในการประชุมกับผู้นำธุรกิจภายในประเทศว่า ขณะนี้กำลังหารือกับสหรัฐถึงแนวทางการบริหารโรงไฟฟ้าดังกล่าวร่วมกันโดยไม่เกี่ยวข้องกับยูเครน พร้อมอ้างว่าสหรัฐมีความสนใจใช้พลังงานจากโรงไฟฟ้านี้ในการดำเนินกิจกรรม ‘ขุดคริปโต’
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ได้ถูกรัสเซียเข้ายึดครองตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 และตั้งแต่นั้นมาได้ถูกตัดขาดจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าของยูเครน เครื่องปฏิกรณ์ทั้งหกเครื่องถูกระงับการทำงานและอยู่ในโหมดพักเครื่อง โดยใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลฉุกเฉินในการหล่อเย็น ซึ่งก็ประสบปัญหาขัดข้องบ่อยครั้ง
ปูตินยังเน้นว่า วิศวกรที่ปฏิบัติงานในสถานีจำเป็นต้องถือ ‘หนังสือเดินทางรัสเซีย’ ทั้งหมด พร้อมเปิดเผยว่าพลังงานจากซาโปริซเซียอาจถูกนำไปใช้ทั้งในโครงการขุดบิตคอยน์ของสหรัฐ และการจ่ายไฟให้กับยูเครน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐยังไม่ออกมายืนยันใด ๆ ต่อคำกล่าวอ้างของรัสเซียในขณะนี้ ขณะที่โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้ระบุชัดเจนว่าหากจะมีการบริหารร่วมใด ๆ ต้องไม่มีการมีส่วนร่วมของรัสเซีย และชี้ว่าประเด็นซาโปริซเซียถือเป็น ‘จุดขัดแย้งหลัก’ ในแผนการเจรจาสันติภาพกับสหรัฐ
ประชาคมระหว่างประเทศโดยเฉพาะสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ(IAEA) ได้เตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าการดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับโรงไฟฟ้านี้ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากยูเครน ถือว่า ‘ผิดกฎหมาย’ และย้ำว่าความเป็นกลางของโรงไฟฟ้ารวมถึงความปลอดภัยต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของอธิปไตยยูเครน
หากคำกล่าวของปูตินเป็นจริง และพลังงานนิวเคลียร์จากซาโปริซเซียถูกใช้ในการขุดบิตคอยน์ ย่อมหมายถึงการใช้พลังงานในระดับที่ ‘มหาศาล’ โดยรายงานของบริษัทความมั่นคงไซเบอร์ Molfar ระบุว่า ช่วงกรกฎาคม 2023 ถึงมิถุนายน 2024 การขุดบิตคอยน์ในยูเครนจากพูลหลัก 3 แห่งใช้ไฟฟ้าสูงสุดราว 33 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง หากใช้โรงไฟฟ้าระดับซาโปริซเซีย จะสามารถเพิ่มพลังการขุด (Hashrate) ได้สูงกว่าหลายร้อยเท่า
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ‘สงครามพลังงาน’ กำลังก้าวเข้าสู่แนวรบใหม่ในโลกของ ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ ซึ่งค่าไฟฟ้าเป็นต้นทุนหลักในกระบวนการขุดบิตคอยน์ และการควบคุมต้นกำเนิดพลังงานจึงเชื่อมโยงกับผลกำไรโดยตรง ซึ่ง *ความคิดเห็น* มองว่ารัสเซียอาจใช้ประเด็นนี้ในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐ
ขณะเดียวกัน โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนก็เผชิญกับวิกฤติอย่างหนัก รายงานจาก Wall Street Journal ระบุว่า ตลอดทั้งปี 2024 รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธและโดรนระยะไกลใส่เป้าหมายพลังงานภายในยูเครนมากกว่า 5,000 ครั้ง ส่งผลให้เกิดการตัดไฟและปัญหาความร้อน-ความเย็นทั่วประเทศ
ด้วยฉากหลังเหล่านี้ การหารือเบื้องหลังระหว่างสหรัฐและรัสเซีย เกี่ยวกับโรงไฟฟ้าซาโปริซเซีย อาจกลายเป็นหมากตัวสำคัญในการเจรจาสงบศึกหรือต่อรองมาตรการคว่ำบาตรในอนาคต ขณะที่ทางการสหรัฐยังไม่ยืนยันหรือปฏิเสธข้อมูลใด ๆ จากรัสเซียอย่างเป็นทางการในขณะนี้
*คำสำคัญ*: บิตคอยน์(BTC), ซาโปริซเซีย, ขุดคริปโต, พลังงานนิวเคลียร์, สงครามยูเครน-รัสเซีย, วลาดิเมียร์ ปูติน, โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี, สหรัฐ
*ความคิดเห็น*: หากพลังงานนิวเคลียร์กลายเป็นองค์ประกอบใหม่ในการแข่งขันดิจิทัลระดับโลก อำนาจควบคุมทรัพยากรอาจแปลความหมายใหม่ในภูมิรัฐศาสตร์สินทรัพย์ดิจิทัลยุคหน้า
ความคิดเห็น 0