เมตะแพลนเน็ต ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีของญี่ปุ่น เดินหน้าซื้อบิตคอยน์(BTC)เพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้สะสมสินทรัพย์มากกว่า 35,000 BTC ส่งผลให้มูลค่ารวมของสินทรัพย์บิตคอยน์ทะลุ 3.9 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์ และก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าของบริษัทจดทะเบียนที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดในโลก
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม บริษัทเมตะแพลนเน็ตเปิดเผยว่า ได้ทุ่มเงินกว่า 451 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.5 หมื่นล้านวอน) เพื่อซื้อบิตคอยน์เพิ่มจำนวน 4,279 เหรียญ คิดเป็นราคาซื้อต่อเหรียญเฉลี่ยที่ประมาณ 16.33 ล้านเยน (ราว 1.49 ล้านบาท) ทำให้ยอดสะสมถือครองบิตคอยน์ของบริษัทอยู่ที่ 35,102 เหรียญ ซึ่งประเมินมูลค่าตามราคาตลาดในขณะนี้สูงถึง 4.3 ล้านล้านวอน
การซื้อครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ "การเงินบนฐานบิตคอยน์" ของเมตะแพลนเน็ต โดยมุ่งเน้นแปลงรายได้ให้กลายเป็นสินทรัพย์สะสมระยะยาว แทนการซื้อขายเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น *คำสำคัญ* อยู่ที่ความมุ่งมั่นถือครองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์และการสร้างรายได้จากสินทรัพย์นี้ในรูปแบบที่หลากหลาย
ในขณะเดียวกัน แผนก ‘สร้างรายได้จากบิตคอยน์’ ของบริษัทก็มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ถึง 5,400 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2025 หรือประมาณ 858 ล้านเยน เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากประมาณการเดิม หน่วยธุรกิจนี้ใช้บิตคอยน์จากพอร์ตเฉพาะในการทำรายได้ผ่านกลยุทธ์ขายออปชัน และการเทรดอนุพันธ์ โดยพอร์ตนี้แยกออกจากสินทรัพย์ถือครองระยะยาวอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้ความผันผวนส่งผลต่อฐานสินทรัพย์หลัก
ด้านภาพรวมทางการเงิน เมตะแพลนเน็ตแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวที่แข็งแกร่ง โดยในช่วงปลายปี 2024 บริษัทถือบิตคอยน์เพียง 1,762 เหรียญ แต่ภายในเวลา 1 ปีสามารถเพิ่มขึ้นเกิน 19 เท่า และสัดส่วนการถือครองต่อหุ้น (BTC ต่อหุ้น) ก็พุ่งขึ้นแตะ 0.02405 BTC ต่อพันหุ้น
เพื่อรองรับการขยายตัว บริษัทได้การันตีสินเชื่อด้วยบิตคอยน์รวมมูลค่า 280 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2025 นอกจากนี้ยังสามารถระดมทุนผ่านการออกหุ้นบุริมสิทธิกว่า 212,500 ล้านเยนจากนักลงทุนสถาบันในต่างประเทศมาใช้คืนหนี้เดิมทั้งหมด พร้อมเริ่มโครงการ ‘หุ้นรับฝากในสหรัฐฯ’ (ADR) เพิ่มการเข้าถึงนักลงทุนชาวอเมริกัน และขยายฐานในตลาดโลก
อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวเชิงรุกนี้ยังไม่ได้ส่งผลเชิงบวกต่อราคาหุ้น โดยเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ราคาหุ้นของบริษัทลดลงราว 8% มาอยู่ที่ 405 เยน สาเหตุหลักเชื่อว่าเกิดจากความกังวลของตลาดเกี่ยวกับการออกหุ้นเพิ่มทุนขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ *สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือเดิมลดลง*
*ความคิดเห็น*: แม้จะเผชิญแรงกดดันจากราคาหุ้น แต่กลยุทธ์ระยะยาวในการวางบิตคอยน์เป็นแกนหลักของงบดุลและกลไกการสร้างรายได้ ได้สร้างโมเดลใหม่ในแนวทางเดียวกันกับบริษัท มายโครสตราเทจี ของสหรัฐฯ ซึ่งเคยใช้กลยุทธ์คล้ายกันในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในองค์กร
ตลาดยังคงจับตาแนวโน้มการเติบโตของเมตะแพลนเน็ต ซึ่งสะท้อนว่า *บิตคอยน์* กำลังได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้นในฐานะสินทรัพย์หลักในระบบเศรษฐกิจองค์กรยุคใหม่
ความคิดเห็น 0