ตลาดคริปโตเผชิญแรงกดดันหลังบันทึกการไหลออกของเงินทุนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกังวลถึงแนวโน้มที่ *บิตคอยน์(BTC)* จะเผชิญกับแรงขายต่อเนื่อง มากกว่าการฟื้นตัวในระยะสั้น
เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของ CoinShares บริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล ได้เปิดเผยว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเงินทุนไหลออกจากผลิตภัณฑ์ลงทุนคริปโตรวมกว่า 446 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,407 ล้านบาท) โดยยอดการไหลออกสะสมตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อนแตะ 3,200 ล้านดอลลาร์ (ราว 45,967 ล้านบาท) ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกระแสเงินทุนสุทธิ 2 ปีที่ 4,500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 64,642 ล้านบาท) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการถอนตัวของ *นักลงทุนสถาบัน* จากตลาด
ขณะเดียวกัน *กองทุน ETF บิตคอยน์* ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดพฤติกรรมสถาบัน ก็พบว่ามีเงินไหลออกถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 14,365 ล้านบาท) ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่เพียงผลกระทบจากการปรับตัวของราคา แต่เป็นสัญญาณของการปรับโครงสร้างการลงทุนลดความเสี่ยงอย่างชัดเจน ความเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์การลดการถือครอง *สินทรัพย์เสี่ยง*
อาลี มาร์ติเนซ นักวิเคราะห์ด้านเทคนิค ระบุว่ามีความเป็นไปได้ของการฟื้นตัวในระยะสั้นตามภาวะ ‘โอเวอร์โซลด์’ ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าการรีบาวด์รอบนี้น่าจะเป็นเพียง *การดีดตัวด้วยเลเวอเรจ* มากกว่าการเข้าสะสมของเม็ดเงินใหม่ โดยกล่าวว่า “การฟื้นตัวที่เกิดจากเลเวอเรจมักดึงดูดผู้ซื้อระยะสั้นแล้วจบลงด้วยการสร้างระดับต่ำใหม่ในกราฟราคา” ซึ่งถือเป็น *ความคิดเห็น* ที่ชี้ถึงความเสี่ยงหากตลาดไม่มีแรงซื้อที่ยั่งยืน
ในด้านมุมมองระยะยาว *นักวิเคราะห์จากช่อง Crypto Rover* เชื่อว่าไตรมาสแรกของปีหน้าอาจเป็นจุดกลับตัวของตลาด จากปัจจัยการจัดสรรพอร์ตใหม่ของนักลงทุนสถาบัน และผลกระทบจาก *กลยุทธ์การลดภาระภาษี (Tax-Loss Harvesting)* ปลายปีซึ่งนำไปสู่แรงซื้อกลับในช่วงต้นปี
นอกจากนี้ โครงสร้าง *4 ปีต่อรอบ* ที่เป็นลักษณะเฉพาะของบิตคอยน์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการลดรางวัลของนักขุด (Bitcoin Halving) ก็เป็นอีกปัจจัยหนุน โดยก่อนหน้านี้ราคาบิตคอยน์เคยทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 สัปดาห์ (EMA) แล้วเดินหน้าทำจุดสูงใหม่ ซึ่งหากเกิดซ้ำอีกครั้ง เขาประเมินว่าราคาสามารถทะยานขึ้นถึง 100,000-102,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.41-1.44 ล้านบาท) ในไตรมาสแรกปี 2026 โดยปัจจุบัน EMA อยู่บริเวณ 98,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.41 ล้านบาท)
การฟื้นตัวของบิตคอยน์ในระดับนี้อาจส่งผลให้ *อีเธอเรียม(ETH)* และเหรียญอัลต์คอยน์ขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นได้อีก 35-40% และเหรียญขนาดเล็กอาจพุ่งถึง 60-80% ตามการคาดการณ์ของเขา
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันยังไม่เอื้อให้มองโลกในแง่ดีมากนัก ราคาบิตคอยน์ล่าสุดซื้อขายที่บริเวณ 87,620 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.25 ล้านบาท) ลดลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 126,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.81 ล้านบาท) ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยเทคนิคัลสร้างแนวต้านแข็งแกร่งที่ระดับ 90,000 ดอลลาร์ ซึ่งราคาทะลุไม่ผ่านหลายครั้งติดต่อกัน
*ความคิดเห็น* จากผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุตรงกันว่า หากจะพูดถึงโอกาสฟื้นตัวของตลาดคริปโตในปี 2026 การวิเคราะห์ควรเริ่มต้นจากสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งในแง่ของ *กระแสเงินทุน* และความเชื่อมั่นของสถาบัน ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญในช่วงเวลานี้
ความคิดเห็น 0