ตลาดคริปโตช่วงสิ้นปีเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในมุมมองต่อตลาดการสเตกอีเธอเรียม(ETH) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่กระแส ‘ถอนเหรียญ’ ซึ่งดำเนินมานานกว่า 6 เดือน เริ่มกลับทิศ กลายเป็น ‘การฝากเหรียญ’ ที่กลับมานำหน้าอีกครั้ง ชี้ให้เห็นถึงการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของผู้ตรวจสอบธุรกรรมในเครือข่ายอีเธอเรียม
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ปริมาณอีเธอที่รอเข้าร่วมในระบบมีมากถึงราว 745,619 ETH ซึ่งหมายถึงระยะเวลารอคิวประมาณ 13 วัน ขณะที่ด้านฝั่งถอนเหรียญกลับลดลงเหลือเพียง 360,518 ETH หรือรอไม่เกิน 8 วัน สะท้อนว่าแรงขายระยะสั้นกำลังลดลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นสัญญาณว่า ‘ผู้เข้าร่วมสเตก’ มีแนวโน้มที่จะถือครองเหรียญยาวขึ้น และให้ความสำคัญกับความมั่นคงในระยะยาวมากขึ้น
ในมุมของนักวิเคราะห์ การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นปัจจัยที่อาจชี้นำทิศทางราคาของอีเธอเรียมในอนาคต อับดุล(Abdul) หัวหน้าด้านดีไฟจากโมนาด(Monad) ขีดเส้นใต้โดยการอ้างอิงผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “เหตุการณ์คล้ายกันเคยเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน ซึ่งขณะนั้นราคา ETH พุ่งจาก 2,800 ดอลลาร์ไปถึงจุดสูงสุด 4,946 ดอลลาร์ภายในสองเดือน” อับดุลคาดการณ์ต่อไปว่า หากแนวโน้มนี้คงอยู่ ‘คิวรอถอนเหรียญ’ อาจลดลงจนเหลือศูนย์ภายในวันที่ 3 มกราคมปีหน้า ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ทั้งแรงกดดันด้านการขายและความผันผวนของตลาดจะลดลงในระดับที่มีนัยสำคัญ
อีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนหลังการเพิ่มขึ้นของการสเตก คือ ‘ความสนใจจากสถาบัน’ ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รายงานจาก Lookonchain ระบุว่า บริษัทสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง *บิทมายน์(BitMine)* ได้ฝากอีเธอจำนวนมหาศาลกว่า 342,000 ETH ภายในเวลา 2 วัน คิดเป็นมูลค่าราว 1.5 ล้านล้านวอน หรือกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นส่วนใหญ่ของยอดสุทธิจากการฝากเหรียญในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ บริการสเตกของคิลน(Kiln) เคยประสบปัญหาด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวกับ *สวิสบอร์ก(SwissBorg)* ในเดือนกันยายน และมีการถอน ETH ออกเป็นจำนวนมาก แต่กว่า 70% ของเหรียญที่ถูกถอนออกกลับถูกฝากคืนโดย *บิทมายน์* อย่างรวดเร็ว โดยบริษัทนี้ยังถือครอง ETH คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3.4% ของอุปทานทั้งหมดของระบบ
ด้านเทคโนโลยี เครือข่ายอีเธอเรียมกำลังเตรียมเข้าสู่การอัปเกรดครั้งใหญ่ในชื่อ ‘แพกทรา(Pectra)’ ภายในปีหน้า ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการสเตกและลดข้อจำกัดของผู้ตรวจสอบ ในขณะเดียวกัน ตลาดดีไฟเองก็มีการปรับลดเลเวอเรจเพื่อลดความเสี่ยง ทำให้ความต้องการในการถือครองเหรียญด้วยตัวเองเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ดึงสภาพคล่องออกจากตลาดและหนุนให้เกิดการสะสมเหรียญผ่านการสเตก
จากภาพรวมดังกล่าว การที่ ‘เหรียญถูกฝากไว้มากขึ้นและถูกถอนออกน้อยลง’ จึงอาจไม่ใช่แค่สัญญาณของระบบอีเธอเรียมที่มีเสถียรภาพมากขึ้นเท่านั้น แต่ยัง *สะท้อนศรัทธาของนักลงทุนในระยะยาว* ซึ่งอาจเป็นปัจจัยบวกต่อการเคลื่อนไหวของราคา ETH ในอนาคตอีกด้วย
‘ความคิดเห็น’: สัญญาณการเปลี่ยนฝั่งจาก ‘ขาย’ กลับมา ‘ฝาก’ ที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายปี อาจเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะมันสื่อถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในตลาดอีเธอเรียม ที่อาจนำไปสู่คลื่นขาขึ้นรอบใหม่ได้ในปีหน้า
ความคิดเห็น 0