ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ธนาคารกลางจีนจุดกระแสความตื่นตัวในตลาดหุ้น หลังประกาศนโยบายใหม่ที่จะอนุญาตให้มีการจ่ายดอกเบี้ยสำหรับยอดเงินในกระเป๋าดิจิทัลหยวน เริ่มตั้งแต่ต้นปี 2026 การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการพลิกโฉมมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลของรัฐจาก ‘เงินสดดิจิทัล’ ให้กลายเป็น ‘เครื่องมือการลงทุน’
รายงานจากสื่อเศรษฐกิจจีน เผยว่า นักลงทุนแห่เข้าซื้อหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเงินหยวนดิจิทัล ส่งผลให้มูลค่ารวมของการถือครองหุ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับกว่า 265 ล้านหยวน หรือประมาณ 1,442 ล้านบาท โดยเฉพาะวันที่ 29 ธันวาคม มีหุ้น 7 บริษัทที่มียอดเงินไหลเข้าสูงกว่า 1 ล้านหยวนต่อบริษัท
บริษัทที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ ‘ลาคารา’ ผู้ให้บริการชำระเงินดิจิทัล ด้วยยอดเงินไหลเข้าสุทธิ 3.71 ล้านหยวน (ประมาณ 53.5 ล้านบาท) ขณะที่บริษัทอื่นๆ เช่น เฮิงเป่า, ชุ่ยเหว่ย และไอซอฟต์สโตน ก็มีเงินลงทุนถาโถมเข้ามาในระดับหลักล้านหยวนเช่นกัน
ธนาคารประชาชนจีนระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2026 จะเปิดทางให้ธนาคารพาณิชย์จ่ายดอกเบี้ยจากยอดเงินในกระเป๋าดิจิทัลหยวน รวมทั้งแยกการบริหารสินทรัพย์และหนี้สินออกจากกันโดยสมบูรณ์ ความเคลื่อนไหวนี้ถูกมองว่าเป็นการเพิ่มมิติ ‘การลงทุน’ ให้กับเงินดิจิทัลที่เคยทำหน้าที่เป็นเพียงสื่อกลางในการชำระเงิน
“นี่คือระบบที่ผู้บริโภคและธุรกิจจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ย และบริการทางการเงินที่หลากหลายขึ้น ในขณะที่ธนาคารเองก็มีแรงจูงใจในการผลักดันการใช้งานเงินหยวนดิจิทัล เป็นโครงสร้างแบบวิน-วิน” นักวิเคราะห์ทางการเงินรายหนึ่งกล่าวผ่านทาง Shanghai Securities News
ปัจจุบัน กระเป๋าดิจิทัลหยวนสามารถใช้งานแบบออฟไลน์โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และสามารถอัปเดตยอดเงินได้โดยอัตโนมัติเมื่อมีการแตะกับเครื่องชำระเงินหรือผ่านประตูกั้นอัจฉริยะในระบบขนส่ง
ในบางพื้นที่ของจีน เช่น เมืองจี่หนาน มณฑลชานตง ได้เริ่มนำเงินหยวนดิจิทัลไปใช้กับผลิตภัณฑ์ทางการเงินของภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ‘สินเชื่อเพื่อการเริ่มต้นธุรกิจ’ ภายใต้ชื่อ “จีตัน-สินเชื่อผู้ประกอบการ” ที่ให้วงเงินกู้ไม่เกิน 200,000 หยวน (ราว 2.88 ล้านบาท) ผ่านระบบออนไลน์ คาดว่าจะเป็นการส่งเสริมการหมุนเวียนเงินทุนในกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ก็เปิดช่องให้เกิดภัยคุกคามด้านความปลอดภัยมากขึ้นเช่นกัน กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนออกประกาศเตือนภัยว่า มีแก๊งมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อเงินหยวนดิจิทัลผ่านแอปปลอม, ลิงก์ฟิชชิ่ง และแพลตฟอร์มลงทุนปลอมๆ พร้อมเสนอผลตอบแทนสูงสุดถึง 5% เพื่อหลอกลวงเหยื่อให้ใส่ข้อมูลส่วนตัว คำแนะนำคือควรใช้งานเฉพาะแอปที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลเท่านั้น
ในระดับโลก ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของจีนแตกต่างจากสหรัฐอย่างสิ้นเชิง โดยขณะที่ฝ่ายทรัมป์ประกาศห้ามธนาคารกลางออกสกุลเงินดิจิทัล, รัฐบาลจีนกลับเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการใช้จ่ายในประเทศและขยายการใช้งานในต่างประเทศ
ล่าสุด กลุ่มธนาคารของรัฐบาลจีนสามารถออกพันธบัตรมูลค่า 6 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 865 ล้านบาท) โดยใช้เงินหยวนดิจิทัลผ่านระบบเครือข่ายบล็อกเชนภาคเอกชน ขณะที่หลูเหลย รองผู้ว่าการแบงก์ชาติ อธิบายว่า เงินหยวนดิจิทัลสามารถทำหน้าที่เป็น ‘แหล่งเก็บมูลค่า’, ‘สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน’ และ ‘มาตรวัดมูลค่าสินค้า’ ได้พร้อมกัน
โดย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2025 เงินหยวนดิจิทัลถูกนำไปใช้ทำธุรกรรมมากกว่า 348 พันล้านรายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 16.7 ล้านล้านหยวน (ราว 2,408 ล้านล้านบาท) ขณะที่จำนวนกระเป๋าเงินดิจิทัลที่เปิดใช้งานมีมากกว่า 230 ล้านบัญชีสำหรับบุคคล และ 18.84 ล้านบัญชีสำหรับองค์กร
อีกทั้ง ในโครงการร่วมมือระดับพหุภาคีอย่าง ‘CBDC Bridge’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการโอนเงินข้ามประเทศโดยใช้สกุลเงินดิจิทัลจากธนาคารหลายแห่ง พบว่า *กว่า 95% ของปริมาณธุรกรรมดำเนินการผ่านเงินหยวนดิจิทัล*
เพื่อตอกย้ำความตั้งใจในระดับโลก ธนาคารกลางจีนยังได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ‘ดิจิทัลหยวน’ แห่งใหม่ในเซี่ยงไฮ้ มุ่งสู่การผลักดัน ‘หยวนดิจิทัลสู่สากล’ ตามวิสัยทัศน์ของผู้ว่าการธนาคารกลาง ปาน กงเซิง ที่ต้องการเป็นผู้นำในระบบการเงินพหุภาคีของโลกช่วงถัดไป
‘*ดอกเบี้ยจากกระเป๋าดิจิทัล*’ กลายเป็นหัวใจสำคัญที่ไม่เพียงกระตุ้นการลงทุนในตลาดหุ้น แต่ยังเป็นกลยุทธ์กระชับตำแหน่งของจีนในสมรภูมิ *CBDC* โลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ความคิดเห็น: การเคลื่อนไหวของจีนชี้ให้เห็นถึงแบบแผน ‘เทคโนโลยี-ขับเคลื่อนนโยบาย’ ที่ใช้ CBDC เป็นกลไกหลักในการเร่งการปฏิรูปเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ขณะที่ยังมีคำถามจากนานาชาติเกี่ยวกับมาตรฐานความเป็นส่วนตัวและโครงสร้างความปลอดภัยของระบบนี้อย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น 0