อีเธอเรียม(ETH) ส่งสัญญาณฟื้นตัว แม้ยังไม่ผ่านแนวต้าน 3,000 ดอลลาร์

อีเธอเรียม(ETH) ยังคงไม่สามารถฝ่าฝืนระดับแนวต้านสำคัญที่ 3,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 432,000 บาท) ได้ แม้จะพยายามหลายครั้ง ส่งผลให้ตลาดยังคงอยู่ในภาวะไม่แน่นอน ขณะที่นักลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวยังไม่กล้าตัดสินใจอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม *ข้อมูลออนเชนอาจบ่งชี้ถึงโครงสร้างตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก*

รายงานของ XWIN รีเสิร์ช เจแปน ภายใต้คริปโตควอนต์ ชี้ว่า อีเธอเรียมกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านจาก ‘ภาวะตลาดขาลงปลายทาง’ ไปสู่รูปแบบการเคลื่อนไหวในกรอบราคาที่ชัดเจนมากขึ้น โดยพบว่าการ ‘ขายแบบตื่นตระหนก’ ลดน้อยลง และมีลักษณะ ‘ขายแบบกระจายตัว’ แสดงให้เห็นถึงการเข้าสู่ช่วง ‘หมดแรงขาย’ ซึ่ง *มักเกิดในช่วงท้ายของวงจรตลาด*

แม้ราคาจะยังทรงตัวใกล้ๆ ระดับแนวต้าน แต่ *อัตราการไหลออกของ ETH จากกระดานเทรดกลับพุ่งสูงที่สุดในรอบปัจจุบัน* โดยสะท้อนถึงพฤติกรรมที่นักลงทุนเน้นการถือครองในระยะยาว การสเตก และการโอนย้ายไปเก็บรักษาในกระเป๋าส่วนตัว มากกว่าการซื้อขายในระยะสั้น

ข้อมูลจากเครือข่ายยังเผยว่า มีอีเธอเรียมกว่า 745,000 เหรียญรอเข้าสเตก ขณะที่เหรียญที่รอถอนมีเพียงราว 360,000 เหรียญ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จำนวนรอฝากสูงกว่ารอถอน สะท้อนถึงแนวโน้มสภาพคล่องฝั่งขายที่ลดลงในระยะกลางถึงยาว

อีกหนึ่งสัญญาณที่น่าสนใจคือ *CVD (Cumulative Volume Delta) ของการซื้อขายแบบเทคเกอร์ในตลาดสปอต* ที่ชี้ว่าจำนวนคำสั่งขายแบบรุนแรงลดน้อยลง และเริ่มเห็นแรงซื้อเข้ามาอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ยังไม่ใช่สัญญาณกลับตัวที่ชัดเจนแต่ก็บ่งชี้ถึงจิตวิทยาตลาดที่เริ่มผ่อนคลาย

ในทางกลับกัน ข้อมูลจากกองทุน ETF ที่อ้างอิงอีเธอเรียมยังคงแสดงสัญญาณเชิงลบ สะท้อนออกมาเป็นเม็ดเงินไหลออกต่อเนื่องทั้งแบบรายวันและรายสัปดาห์ ซึ่ง *แสดงว่ากลุ่มนักลงทุนสถาบันยังไม่กลับเข้าตลาดอย่างจริงจัง*

แม้ราคาจะเผชิญแรงกดดัน แต่ *พื้นฐานการใช้งานของเครือข่ายอีเธอเรียมยังคงแข็งแกร่ง* โดยไตรมาส 4 ปี 2025 มีการสร้างสมาร์ตคอนแทรกต์กว่า 8.7 ล้านรายการ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้การนำสินทรัพย์จริง (RWA) มาแปลงเป็นโทเคนบนเชนก็มีมูลค่าสูงถึง 19,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.73 ล้านล้านบาท) ตอกย้ำบทบาทของอีเธอเรียมในฐานะศูนย์กลางของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

ในเชิงเทคนิค ETH ยังเทรดอยู่ในกรอบแคบระหว่าง 2,900–3,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 418,000–432,000 บาท) โดยมีแนวต้านจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันและ 100 วัน ที่ประมาณ 3,200–3,600 ดอลลาร์ ซึ่งขัดขวางความพยายามฝั่งขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง

*แม้ระยะยาวยังไม่มีสัญญาณการกลับตัวอย่างชัดเจน แต่ระดับราคาต่ำสุดล่าสุดในช่วง 2,750–2,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 396,000–403,000 บาท) ดูเหมือนจะกลายเป็นฐานที่มั่นใหม่* ประกอบกับปริมาณการซื้อขายที่ลดลง อาจหมายถึงการอ่อนแรงของแรงขาย

โดยสรุปแล้ว อีเธอเรียมยังไม่สามารถยืนยันการเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวได้เต็มตัว แต่ก็เริ่มมีสัญญาณเชิงบวกจากโครงสร้างตลาด เช่น การลดแรงขาย การเปลี่ยนพฤติกรรมนักลงทุน และการใช้งานเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง หากราคาสามารถฝ่าฝืนแนวต้านที่ 3,200 ดอลลาร์ได้สำเร็จ ก็มีโอกาสเปลี่ยนแนวโน้มกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งในระยะสั้น

‘ความคิดเห็น’: หากมองในมุมกลยุทธ์ การจับจังหวะเข้าในช่วงราคาย่อตัวที่ระดับ 2,750–2,800 ดอลลาร์ และติดตามสัญญาณการฝ่าแนวต้าน 3,200 ดอลลาร์อย่างใกล้ชิด อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของช่วงนี้สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้