ราคาบิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ บริเวณ 88,300 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,279.8 ล้านบาท) สะท้อนบรรยากาศความไม่แน่นอนในตลาดซึ่งยังอยู่ในโหมด ‘ระมัดระวัง’ โดยดัชนีความกลัวและความโลภของตลาดคริปโตอยู่ที่ระดับ 32 ซึ่งจัดอยู่ในระดับ ‘ความกลัว’ ขณะที่ดัชนีฤดูกาลของอัลต์คอยน์อยู่ที่ 20 สะท้อนสถานการณ์ที่ยังเน้นไปที่บิตคอยน์เป็นหลัก
มูลค่ารวมของตลาดยังคงทรงตัวที่ 2.98 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 432.5 ล้านล้านบาท) และปริมาณซื้อขายเฉลี่ย 30 วันก็ยังคงอยู่ที่ระดับ 88.9 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 12.87 ล้านล้านบาท) บ่งชี้ถึงภาวะที่นักลงทุนชะลอการตัดสินใจ ท่ามกลางสัญญาณทางเทคนิคที่ยังไม่ชัดเจน
ขณะเดียวกัน บริษัทด้านเทคโนโลยีสุขภาพอย่าง *พรีเนติกส์ โกลบอล* (Prenetics Global Limited) ได้ประกาศหยุดการซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติมในระยะนี้ โดยจะคงการถือครองเหรียญจำนวน 510 BTC ที่มีอยู่เดิมไว้ในฐานะ ‘สินทรัพย์สำรองทางการเงิน’ เพื่อหันไปให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจหลักแทน
บริษัทกล่าวว่าสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของแบรนด์สุขภาพ IM8 ซึ่งสามารถทำรายได้แบบประจำ (ARR) ทะลุ 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.45 หมื่นล้านบาท) ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีโดยตั้งเป้ารายได้ในปี 2026 ไว้ที่ 180–200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.6–2.9 หมื่นล้านบาท) โดยบริษัทมีเงินสดในมือกว่า 70 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.01 หมื่นล้านบาท) และไม่มีหนี้สินเลย
*ความคิดเห็น*: สถานการณ์นี้ชี้ให้เห็นแนวโน้มที่บริษัทต่างๆ กำลังเปลี่ยนบทบาทของบิตคอยน์จากสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น มาเป็นสินทรัพย์สำรองทางการเงินระยะยาวมากขึ้น
ในด้านเทคนิค บิตคอยน์กำลังเข้าสู่ช่วง ‘สามเหลี่ยมสมมาตร’ โดยราคาเคลื่อนไหวแบบบีบตัวรอจุดตัดสินใจ หลังจากไม่สามารถฝ่าแนวต้านช่วง 94,000–95,000 ดอลลาร์ไปได้ และกำลังได้รับแรงประคองจากแนวรับที่เริ่มตั้งแต่ระดับ 83,500 ดอลลาร์ที่เกิดในช่วงกลางเดือนธันวาคม
รูปแบบแท่งเทียนในกรอบเวลา 4 ชั่วโมงแสดงลักษณะ ‘โดจิ’ และ ‘สปินนิ่งท็อป’ ต่อเนื่องซึ่งเป็นสัญญาณของภาวะลังเลของตลาด ขณะที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 และ 100 วันแทบไม่ต่างกันอยู่ในช่วง 88,200–88,400 ดอลลาร์เช่นเดียวกับ RSI ที่ขยับในช่วง 50–53 บ่งบอกถึงสัญญาณการสะสมกำลังของตลาด
หากราคาสามารถรักษาระดับเหนือ 85,100 ดอลลาร์ไว้ได้ ก็ยังมีแนวโน้มที่โครงสร้างราคาปัจจุบันจะยึดตามรูปแบบเดิม และถ้าสามารถทะลุแนวต้านหลักที่ 90,000 ดอลลาร์ได้ ก็อาจสร้างแรงขับเคลื่อนให้ราคาขยับขึ้นไปยังช่วง 92,200 ดอลลาร์, 94,600 ดอลลาร์ หรือแม้กระทั่งถึงระดับ 98,000–100,000 ดอลลาร์
อีกด้านหนึ่ง โครงการมีมคอยน์หน้าใหม่อย่าง *เปเปโนด* (PEPENODE) กำลังเรียกความสนใจในช่วงท้ายของการพรีเซล โดยสามารถระดมทุนได้แล้วมากกว่า 2.47 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 357.8 ล้านบาท) จากนักลงทุนก่อนการเปิดตัวเหรียญ
*เปเปโนด* แตกต่างจากมีมคอยน์ทั่วไปตรงที่มีกลไก ‘Mine-To-Earn’ ซึ่งผู้ใช้สามารถสร้าง ‘โนดขุด’ ของตัวเองเพื่อจำลองห้องเซิร์ฟเวอร์ และเข้าร่วมผ่านแดชบอร์ดเกมเพื่อรับรางวัล ทำให้กลายเป็นโครงการที่รวมเกม, การแข่งขัน และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้อย่างมีภาพลักษณ์
โครงการยังเสนอโอกาสในการสเตกโทเคนตั้งแต่ช่วงพรีเซล และวางแผนเพิ่มกลไกรางวัลผ่านบอร์ดจัดอันดับและระบบโบนัสหลังจากเหรียญเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ปัจจุบันราคาโทเคนของ PEPENODE อยู่ที่ 0.0012161 ดอลลาร์ต่อเหรียญ (ประมาณ 1.76 บาท) และมีจำนวนจำกัด
*ความคิดเห็น*: ด้วยรูปแบบการให้รางวัลที่หลากหลายและวิสัยทัศน์ด้านเกม, เปเปโนดอาจกลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของการใช้โมเดล ‘Mine-To-Earn’ กับมีมคอยน์ในอนาคต
ความคิดเห็น 0