อีเธอเรียม(ETH) อัปเกรด 'เพกทรา' สำเร็จบนเซโปลเลีย แต่ความล่าช้าบนโฮเลสกีอาจกระทบเมนเน็ต

อีเธอเรียม(ETH) เตรียมอัปเกรดเครือข่ายครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อ ‘เพกทรา(Pectra)’ โดยล่าสุดได้ดำเนินการสำเร็จบนเครือข่ายทดสอบเซโปลเลีย(Sepolia) อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กับเครือข่ายทดสอบโฮเลสกี(Holesky) ทำให้กำหนดการเปิดตัวบนเมนเน็ตอาจล่าช้าออกไป

การอัปเกรดเพกทรามุ่งเน้นไปที่การเสริมความสามารถด้าน ‘สเตกกิง’ ปรับปรุงความสามารถในการขยายตัวของเครือข่ายเลเยอร์ 2 และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของอีเธอเรียม สำหรับการทดสอบล่าสุดบนเซโปลเลียเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม เวลา 07:29 UTC โดยเทอร์เรนซ์(Terence) นักพัฒนาหลักของอีเธอเรียมระบุว่า "การอัปเกรดผ่านไปได้อย่างสมบูรณ์" ซึ่งทำให้ชุมชนเริ่มจับตามองถึงกำหนดการเปิดใช้งานบนเมนเน็ต

ตามแผนของมูลนิธิอีเธอเรียม เครือข่ายจะต้องผ่านการอัปเกรดทั้งบนโฮเลสกีและเซโปลเลียอย่างราบรื่นก่อนที่จะกำหนดวันเปิดตัวบนเมนเน็ต อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ การอัปเกรดของโฮเลสกีกลับไม่สามารถดำเนินไปจนเสร็จสมบูรณ์ ทีมพัฒนากำลังพยายามแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับยอดคงเหลือของตัวตรวจสอบธุรกรรม ซึ่งคาดว่าอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 18 วันก่อนที่จะสามารถเปิดตัวบนเมนเน็ตได้

นอกจากนี้ การอัปเกรดครั้งนี้อาจส่งผลต่อแนวโน้มการเปิดตัวกองทุน ETF ที่มีพื้นฐานจากอีเธอเรียมสเตกกิง นักวิเคราะห์ของแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลเน็กโซ(Nexo) อิลิยา คาลเชฟ(Iliya Kalchev) กล่าวว่า "เพกทราจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของการสเตกกิง ซึ่งอาจปูทางไปสู่ตลาด ETF ที่ใช้อีเธอเรียมเป็นหลัก" โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทการลงทุนรายใหญ่ เช่น เกรย์สเกล(Grayscale) กำลังวางแผนเปิดตัว ETF ที่อิงกับการสเตกกิงของอีเธอเรียม

ขณะที่แนวโน้มของกฎระเบียบในสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนแปลงไปภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งผลให้มีความคาดหวังว่ากองทุน ETF ที่เกี่ยวข้องกับอีเธอเรียมอาจได้รับการอนุมัติเร็วขึ้น นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยบล็อกเชนนันเซน(Nansen) เอ็ดเวิร์ด วิลสัน(Edward Wilson) กล่าวเสริมว่า "หากรัฐบาลใหม่มีท่าทีสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโต การอนุมัติ ETF สำหรับอีเธอเรียมแบบสเตกกิงอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์"

แม้ว่าการอัปเกรดเพกทราบนเมนเน็ตยังไม่มีวันเปิดตัวที่แน่นอน แต่การพัฒนาด้านเทคนิคนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยขยายศักยภาพของเครือข่ายและเสริมสร้างระบบนิเวศของสเตกกิง ซึ่งอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ผลักดันการลงทุนของสถาบันในอนาคต