เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ทำเนียบขาว สก็อตต์ เบเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยแผนการใช้ ‘สเตเบิลคอยน์’ เป็นเครื่องมือรักษาอำนาจของดอลลาร์ในระดับโลก เบเซนต์กล่าวว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์มีเป้าหมายที่จะลดแรงกดดันด้านกฎระเบียบต่ออุตสาหกรรมคริปโต และจัดทำนโยบายที่ชัดเจนมากขึ้น
เบเซนต์ระบุว่า "เราจะพิจารณานโยบายเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์อย่างรอบคอบ และภายใต้คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ เราจะรักษาดอลลาร์ให้เป็นสกุลเงินหลักของโลก" ขณะที่ทรัมป์เองก็แสดงความหวังว่ากฎหมายด้านสเตเบิลคอยน์ฉบับสมบูรณ์จะได้รับการกำหนดก่อนที่สภาคองเกรสจะปิดสมัยประชุมในเดือนสิงหาคม
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังวิจารณ์รัฐบาลไบเดนที่เร่งขายบิตคอยน์(BTC) ที่ถูกยึดไว้ ซึ่งเขามองว่าเป็นการกระทำที่นำไปสู่การสูญเสียมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ผู้เข้าร่วมการประชุมหลายรายมองว่าการประชุมครั้งนี้เป็นสัญญาณที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่ออุตสาหกรรมคริปโต
ขณะเดียวกัน มีการวิเคราะห์ว่าสเตเบิลคอยน์อาจกลายเป็น ‘เครื่องมือเชิงกลยุทธ์’ ที่ช่วยส่งเสริมอำนาจของดอลลาร์ในระดับโลก โดยสเตเบิลคอยน์ที่ได้รับการค้ำประกันด้วยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้นและเงินสดสำรอง จะช่วยเพิ่มความต้องการดอลลาร์และสนับสนุนตลาดตราสารหนี้ของสหรัฐฯ
คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ สมาชิกคณะกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เคยกล่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ว่าสเตเบิลคอยน์อาจมีบทบาทสำคัญในการรักษาสถานะเงินสกุลหลักของดอลลาร์ทั่วโลก และสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงการควบคุมเงินทุนจากรัฐบาลต่างประเทศ รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงิน
ในสภาคองเกรสเอง ขณะนี้มีการพิจารณาร่างกฎหมาย ‘Stable Act of 2025’ ซึ่งเสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่าง เฟรนช์ ฮิลล์ และ ไบรอัน สติล ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อกำหนดกรอบการกำกับดูแลที่ครอบคลุมสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผูกกับดอลลาร์
จากการประชุมครั้งนี้ คาดว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะเดินหน้าสร้างกลไกทางกฎหมายให้กับสเตเบิลคอยน์ และใช้เป็นเครื่องมือหลักเพื่อรักษาบทบาทของดอลลาร์ในตลาดการเงินโลก
ความคิดเห็น 0