ราคาบิตคอยน์(BTC) อาจเผชิญกับการปรับตัวลดลงอีกครั้ง หลังจากข้อมูลบนบล็อกเชนบ่งชี้ว่าตลาดยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง นักวิเคราะห์มองว่าราคาบิตคอยน์อาจปรับตัวลงสู่ระดับ 63,000 ดอลลาร์ หากแนวรับสำคัญไม่สามารถต้านทานแรงขายได้
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม บิตคอยน์ร่วงลงแตะ 76,600 ดอลลาร์ ก่อนที่จะปรับตัวกลับขึ้นสู่ระดับ 83,700 ดอลลาร์ในตลาดเอเชียวันที่ 12 มีนาคม อย่างไรก็ตาม ราคายังคงติดแนวต้านที่ 84,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าการฟื้นตัวดังกล่าวเป็นเพียงการรีบาวด์ระยะสั้น และแนวโน้มขาลงยังไม่สิ้นสุด
อีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันให้กับบิตคอยน์คือ การไหลออกของเงินทุนจาก ETF ข้อมูลจากคริปโตควอนต์(CryptoQuant) พบว่าตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ETF ที่ถือครองบิตคอยน์สูญเสียเงินทุนไปกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.19 ล้านล้านวอน) ขณะเดียวกัน ‘อุปสงค์โดยรวม’ ของบิตคอยน์ก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จาก 279,000 BTC ในเดือนธันวาคม 2024 เหลือเพียง 10,000 BTC ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งสะท้อนถึงสภาวะตลาดที่ซบเซา
นอกจากนี้ ตัวชี้วัดด้านมูลค่าก็ส่งสัญญาณว่าบิตคอยน์อาจต้องเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มขึ้น ตัวชี้วัดรอบวัฏจักรของตลาดชี้ว่าบิตคอยน์อยู่ในจุดต่ำสุดของรอบนี้ ขณะที่ค่า MVRV Z-score ซึ่งใช้ประเมินมูลค่าตลาดของ BTC ได้ร่วงลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 365 วัน ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของบิตคอยน์กำลังอ่อนแรง
ข้อมูลเชิงเทคนิคยังชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการปรับฐานเพิ่มเติม โดยราคาบิตคอยน์กำลังสร้างรูปแบบ ‘เบียร์แฟล็ก’ (bear flag) ซึ่งมักเป็นสัญญาณของการปรับตัวลงต่อเนื่อง หากราคาหลุดแนวรับที่ 75,000-78,000 ดอลลาร์ อาจลดระดับลงไปที่ 68,400 ดอลลาร์ และหากแนวรับนี้ไม่สามารถต้านทานแรงขายได้ มีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงสู่ 63,000 ดอลลาร์ ตามคำเตือนของนักวิเคราะห์จากคริปโตควอนต์
แม้ว่าสัญญาณทางเทคนิคจะแสดงแนวโน้มขาลง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มองว่าราคาบิตคอยน์จะร่วงลงในระยะยาว นักวิเคราะห์บางรายระบุว่าตัวชี้วัดลักษณะนี้เคยปรากฏขึ้นในเดือนพฤษภาคมและตุลาคม 2024 แต่ราคาบิตคอยน์ฟื้นตัวได้ในเวลาต่อมา ดังนั้น แนวโน้มขาลงครั้งนี้อาจเป็นเพียงการปรับฐานระยะสั้นเท่านั้น
ความคิดเห็น 0