จูคอยน์(JuCoin) เปิดตัวแพลตฟอร์มคริปโตที่เน้นบริการสำหรับผู้ใช้เป็นแห่งแรกของโลก
หลังการรีแบรนด์ในปี 2024 จูคอยน์(JuCoin) ได้ปรับกลยุทธ์จากการเน้น ‘นวัตกรรมเทคโนโลยี’ ไปสู่ ‘ความเป็นจริงในการใช้งาน’ โดยชูคอนเซปต์แพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญกับ ‘บริการ’ เป็นหลัก เพื่อแก้ปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อการยอมรับคริปโตเคอร์เรนซีอย่างแพร่หลาย
ปัจจุบัน ตลาดคริปโตมีแพลตฟอร์มที่ดำเนินงานกันแบบแยกส่วน ทั้งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล(CEX) โปรโตคอลดีไฟน์(DeFi) แพลตฟอร์ม NFT และแอปพลิเคชันเว็บ3 ซึ่งทำให้ ‘ประสบการณ์ของผู้ใช้’ ขาดความต่อเนื่อง ด้าน นิโคลาส จู(Nicolas Zhu) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ(COO) ของจูคอยน์กล่าวว่า “ศูนย์ซื้อขายทั่วไปมักมุ่งเน้นไปที่การซื้อขายเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องการสร้างแพลตฟอร์มที่รองรับบริการต่างๆ ทั่วทั้งระบบนิเวศบล็อกเชนได้อย่างราบรื่น”
กลยุทธ์ดังกล่าวของจูคอยน์มุ่งเน้นที่ ‘ความสะดวกของผู้ใช้’ โดยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการสมัครและปรับปรุงอินเทอร์เฟซ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ใหม่สามารถสร้างบัญชีและเริ่มต้นการซื้อขายได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ จูคอยน์ยังแก้ปัญหาความไม่เชื่อมโยงระหว่าง CEX และ DeFi โดยใช้โซลูชันเลเยอร์ 3 ‘จูเชน(JuChain)’ ที่ช่วยให้การเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ระหว่างแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์กับแบบกระจายศูนย์เป็นไปได้อย่างลื่นไหล
ในขณะเดียวกัน จูคอยน์กำลังพัฒนาฟีเจอร์ ‘โทเคนเซลฟ์ลิสต์’ เพื่อให้โปรเจกต์ต่างๆ สามารถเข้ามาจดทะเบียนบนแพลตฟอร์มได้เอง ซึ่งช่วยให้โครงการที่มีนวัตกรรมสามารถเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น
แพลตฟอร์มของจูคอยน์ยังประกอบด้วยระบบนิเวศน์แบบโมดูลาร์ที่รวมฟีเจอร์ต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน จูเชน ซึ่งเป็นบล็อกเชนเลเยอร์ 3 ถูกออกแบบให้มีค่าธรรมเนียมต่ำและความเร็วสูง ขณะที่สมาร์ตโฟน Web3 AI ‘จูวัน(JuOne)’ ได้รับการเสริมความปลอดภัยบนบล็อกเชน นอกจากนี้ จูคอยน์ยังพัฒนา ‘จูแชต(JuChat)’ สำหรับชุมชน Web3 และ ‘จูคอยน์แล็บส์(JuCoin Labs)’ ที่มุ่งเน้นการค้นหาโปรเจกต์ที่มีศักยภาพ โดยทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกันผ่านเหรียญ JU โทเคน
ในด้านความปลอดภัย จูคอยน์ได้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อปกป้องสินทรัพย์ของผู้ใช้ โดยเก็บสินทรัพย์กว่า 99% ไว้ใน ‘วอลเล็ตเย็น’(Cold Wallet) พร้อมใช้เทคโนโลยี ‘มัลติซิก’(Multisig) สำหรับฮอตวอลเล็ต นอกจากนี้ แพลตฟอร์มยังนำระบบ AI วิเคราะห์ความเสี่ยงแบบเรียลไทม์มาใช้ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่ปลอดภัย
จูคอยน์ยังขยายสู่ตลาดการเงินยุคใหม่ โดยพัฒนาแนวคิด ‘ดีฟาย AI’(DeFAI) ซึ่งรวม AI เข้ากับ DeFi รวมถึง ‘ซีดีฟาย’(CeDeFi) ที่รวมศูนย์ซื้อขายแบบรวมศูนย์และกระจายศูนย์เข้าไว้ด้วยกัน และโซลูชัน ‘เพย์ไฟ(PayFi)’ ที่ใช้ข้อมูลออนเชนสำหรับการประเมินเครดิตและระบบชำระเงิน
นิโคลาส จู COO กล่าวปิดท้ายว่า “อนาคตของอุตสาหกรรมคริปโตไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีที่ซับซ้อน แต่คือการทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายที่สุด เป้าหมายของจูคอยน์คือการลดอุปสรรคในการใช้งาน และนำเสนอแพลตฟอร์มที่ให้คุณค่าที่แท้จริงแก่ผู้ใช้”
ความคิดเห็น 0