เอริก เคาน์ซิล จูเนียร์(Eric Council Jr.) ผู้ต้องหาในคดีแฮกระบบบัญชี X (เดิมคือทวิตเตอร์) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) ได้เผยข้อมูลใหม่ว่า เขาเคยใช้วิธีการลักษณะเดียวกันในการหาเงินกว่า 50,000 ดอลลาร์ หรือราว 7.3 ล้านบาท โดยข้อมูลดังกล่าวถูกเปิดเผยในเอกสารที่อัยการสหรัฐยื่นต่อศาล พร้อมคำร้องขอลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี
กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่เคาน์ซิลแฮกบัญชีทางการของ SEC และโพสต์ข้อความเท็จว่า ‘บิตคอยน์(BTC) แบบสปอต ETF ได้รับอนุมัติแล้ว’ สร้างความสับสนในตลาดคริปโตอย่างหนักในขณะนั้น โดยจากเอกสารของอัยการพบว่า เขาเคยค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการสอบสวนของ FBI และวิธีลบบัญชี Telegram ก่อนที่ทางการจะตรวจค้นบ้าน รถยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเขาเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
แม้เคาน์ซิลจะตั้งค่าการลบการสนทนาใน Telegram ให้หายไปภายใน 2 สัปดาห์ แต่เจ้าหน้าที่สอบสวนยังสามารถดึงข้อมูลการสนทนาที่เขาเคยหารือเกี่ยวกับ ‘ซิมสวอป(SIM swapping)’ กับกลุ่มผู้ร่วมข้ามประเทศได้ โดยในกระบวนการสอบสวน เขาสารภาพว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายนปีนี้ เขาได้รับเงินค่าจ้างรวมประมาณ 50,000 ดอลลาร์ เพื่อดำเนินการซิมสวอปให้ลูกค้า นอกจากนี้ ใน Telegram เขาใช้ชื่อผู้ใช้ว่า ‘easymunny’ เพื่อโฆษณาตนเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการซิมสวอป โดยคิดค่าบริการต่อครั้งระหว่าง 1,200 ถึง 1,500 ดอลลาร์
เอกสารของอัยการยังระบุว่า เคาน์ซิลได้ใช้บัตรประจำตัวปลอมในการแอบอ้างเป็นบุคคลที่มีสิทธิ์เข้าถึงบัญชี X ของ SEC เพื่อหลอกพนักงานของบริษัทโทรคมนาคม AT&T ทำให้สามารถโอนหมายเลขโทรศัพท์ของเหยื่อมายังซิมการ์ดของตัวเองได้สำเร็จ
อัยการเห็นว่า การกระทำของเคาน์ซิลไม่ได้เป็นเพียงอาชญากรรมไซเบอร์ทั่วไป แต่ยังเป็นการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของหน่วยงานภาครัฐและก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดคริปโตอย่างมีนัยสำคัญ ความเห็นของอัยการจึงระบุว่า คดีนี้ควรได้รับการพิจารณาโทษอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในแง่ของผลกระทบโดยรวมต่อภาพลักษณ์ของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ความคิดเห็น 0