ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
อีเธอเรียม(ETH) พุ่งแรงในช่วง 7 วันที่ผ่านมา โดยราคาปรับตัวขึ้นเกือบ 1,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้ผลตอบแทนในรอบ 30 วันอยู่ที่ *56%* สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดที่ก่อนหน้านี้มีท่าที *‘ลบ’* ต่อแนวโน้มราคาของสินทรัพย์นี้ ขณะที่แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน *คริปโตควอนต์(CryptoQuant)* ได้เผยข้อมูลการวิเคราะห์ *‘ต้นทุนเฉลี่ยในการซื้อ’* ของผู้ถืออีเธอเรียมในแต่ละกลุ่ม ตามขนาดของกระเป๋าเงินดิจิทัล
ต้นทุนเฉลี่ยในการซื้อคือราคาซื้อเฉลี่ยของสกุลเงินดิจิทัลเมื่อผู้ถือแต่ละรายทำการซื้อในหลายช่วงเวลา *ตามความเห็น* ของนักวิเคราะห์ ‘บลิทซ์’ จากคริปโตควอนต์ ระบุว่า ขณะนี้ราคาของอีเธอเรียมอยู่สูงกว่าต้นทุนเฉลี่ยของผู้ถือในเกือบทุกกลุ่ม ซึ่งถือเป็นสัญญาณสำคัญในตลาดขาขึ้น เพราะในอดีตราคามีแนวโน้มกลับมาทดสอบบริเวณเหล่านี้หลายครั้ง
หากแยกตามขนาดกระเป๋าเงิน จะพบว่า
- กลุ่มที่ถือ *10,000–100,000* อีเธอเรียม มีต้นทุนเฉลี่ยที่ *2,225 ดอลลาร์*
- กลุ่มที่ถือ *1,000–10,000* อีเธอเรียม อยู่ที่ *2,196 ดอลลาร์*
- กลุ่มที่ถือ *10,000–100,000* เหรียญ อยู่ที่ *1,994 ดอลลาร์*
- และกลุ่มที่ถือมากกว่า *100,000* เหรียญ มีต้นทุนเฉลี่ยเพียง *1,222 ดอลลาร์*
เมื่อประมาณหนึ่งเดือนก่อน ราคาของอีเธอเรียมเคยลดลงมาต่ำกว่า *2,000 ดอลลาร์* ซึ่งถือเป็นระดับต่ำกว่าราคาที่เรียกว่า *‘ราคาที่รับรู้แล้ว’* (Realized Price) หมายถึงราคาที่วัดจากการเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของเหรียญทั้งหมดบนบล็อกเชน ตอนนั้นตลาดอยู่ในสภาวะตึงเครียด โดยนักลงทุนอาจเลือกระหว่างการ ‘ขายตัดขาดทุน’ หรือ ‘ซื้อเพิ่ม’ เพื่อเก็งกำไรจากการฟื้นตัว ซึ่งในที่สุดสถานการณ์คลี่คลายไปทางฝั่งหลัง และราคาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วง 4 สัปดาห์
ณ ปัจจุบัน ราคาของอีเธอเรียมอยู่ที่ *2,500 ดอลลาร์* ลดลงราว *3%* ในช่วง 24 ชั่วโมง หากราคาลดลงต่ำกว่าระดับสำคัญอย่าง *2,225 ดอลลาร์* ซึ่งตรงกับราคาที่ถือว่ามีการรับรู้ต้นทุนของหลายกลุ่ม อาจเกิดแรงขายและพาราคาดิ่งลงต่ำกว่า *2,100 ดอลลาร์* ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงมีมุมมอง *เชิงบวก* ต่อแนวโน้มราคาอีเธอเรียม โดยให้เหตุผลว่า *อัตราการระดมทุน (Funding Rate)* ของตลาดยังคงอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน ในขณะที่แรงขายยังอยู่ในระดับต่ำ ที่สำคัญ นักลงทุนได้ถอนอีเธอเรียมออกจากตลาดซื้อขายแบบรวมศูนย์ (CEX) เป็นจำนวนกว่า *1.2 พันล้านดอลลาร์* ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งบอกถึงกลยุทธ์การถือครองระยะยาว และการลดโอกาสการขายในตลาดในระยะสั้น
ความคิดเห็น 0