เงินทุนไหลเข้าคริปโตพุ่ง 785 ล้านดอลลาร์ อีเธอเรียม(ETH) นำโด่งด้วย 205 ล้าน

ตลาดการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงได้รับกระแสเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน โดยรวมแล้วมีเงินไหลเข้าสูงถึง 785 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.1 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีพุ่งแตะ 7.5 พันล้านดอลลาร์ แซงหน้าระดับสูงสุดก่อนหน้าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ 7.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการฟื้นตัวกลับมาหลังจากที่มีการไหลออกถึง 7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมที่ผ่านมา

จากรายงานประจำสัปดาห์ของบริษัท CoinShares พบว่า อีเธอเรียม(ETH) เป็นผู้ชนะรายใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยเงินทุนไหลเข้าสูงถึง 205 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,911 ล้านบาท ดันยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีขึ้นไปที่ 575 ล้านดอลลาร์ ปัจจัยหลักมาจากการอัปเกรด ‘Pectra’ ที่ประสบความสำเร็จเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม รวมถึงการแต่งตั้งโธมัส สแตนชัค(Thomas Stanchak) เป็นกรรมการร่วม สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนฟื้นตัวอีกครั้ง

ในขณะที่บิตคอยน์(BTC) ยังคงรักษาความนิยม ด้วยเงินไหลเข้าสูงถึง 557 ล้านดอลลาร์ (ราว 7,909 ล้านบาท) แม้จะอ่อนลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนหน้า เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐยังคงแสดงท่าทีทางการเงินแบบสายเหยี่ยว สำหรับ ‘ชอร์ตบิตคอยน์’ หรือผลิตภัณฑ์เก็งกำไรราคาลง ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงในช่วงที่ราคาขาขึ้น โดยมียอดเงินไหลเข้าอีก 5.8 ล้านดอลลาร์ ในรอบ 4 สัปดาห์ติดต่อกัน

ในส่วนของเหรียญทางเลือกอื่นๆ ซุย(SUI) และริปเปิล(XRP) ได้รับเงินไหลเข้าสะสมที่ 9.3 ล้านดอลลาร์ และ 4.9 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ ขณะที่คาร์ดาโน่(ADA) และเชนลิงค์(LINK) ก็ตามมาแบบเบาๆ ที่ 500,000 ดอลลาร์ และ 200,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม โซลานา(SOL) กลับพบการไหลออก 890,000 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ที่ลงทุนในหลายสินทรัพย์(Multi-Asset) ที่เสียเงินทุนไปราว 2.9 ล้านดอลลาร์

สำหรับในเชิงภูมิศาสตร์ สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำด้วยเงินไหลเข้า 681 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เยอรมนีและฮ่องกงมีการเข้ามาที่ 86.3 ล้านดอลลาร์ และ 24.2 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะฮ่องกงที่ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 ด้านออสเตรเลียและสวิตเซอร์แลนด์ก็ตามมาที่ 13.5 ล้านดอลลาร์ และ 2.7 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

ในฝั่งที่มีการถอนเงินออก สวีเดน แคนาดา และบราซิล เห็นการไหลออกที่ 16.3 ล้านดอลลาร์, 13.5 ล้านดอลลาร์ และ 3.9 ล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงอารมณ์ของนักลงทุนในบางพื้นที่ที่ยังคงระวังตัว ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาดโลก