สิงคโปร์–ดูไบชิงผู้นำศูนย์กลางคริปโต คาซัคฯ–มัลดีฟส์–ปากีสถานลุยแผนดิจิทัล

คาซัคสถาน, มัลดีฟส์ และปากีสถานได้เปิดเผยแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันประเทศให้กลายเป็นศูนย์กลางของสกุลเงินดิจิทัล แม้ในอดีตประเทศเหล่านี้จะไม่ถือเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมคริปโตระดับโลก แต่คาซัคสถานเคยได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงที่จีนสั่งห้ามการขุดบิตคอยน์(BTC) ส่งผลให้นักขุดจำนวนมากย้ายฐานมายังประเทศ

ในขณะที่บางประเทศที่มีสถานะเป็นศูนย์กลางทางการเงินอยู่แล้ว ก็ยังเดินหน้าแข่งขันเพื่อขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมคริปโตอย่างจริงจัง พวกเขาพยายามหาจุดสมดุลระหว่างการกำกับดูแล บุคลากร ทุน และโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเสริมสร้างบทบาทการเป็น *ฮับระดับโลกของคริปโตเคอร์เรนซี*

หนึ่งในประเทศที่น่าจับตามองคือ *สิงคโปร์* ซึ่งได้กลายมาเป็นผู้บุกเบิกการออกกรอบ *กำกับดูแลคริปโตที่ครอบคลุมที่สุดในเอเชีย* โดยอาศัยความได้เปรียบเรื่องกรอบกฎหมาย, อัตราภาษีนิติบุคคลที่ต่ำ และระดับความน่าเชื่อถือของเครดิตที่อยู่ในระดับ AAA ในปี 2019 ประเทศได้ออก *พระราชบัญญัติบริการชำระเงิน* (Payment Services Act - PSA) ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2020 และได้กำหนดสถานะทางกฎหมายของสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแนวคิด “โทเคนสำหรับการชำระเงินดิจิทัล” หรือ DPT

ตามข้อมูลล่าสุด มีผู้ให้บริการ DPT ที่ได้รับอนุญาตจาก *ธนาคารกลางสิงคโปร์(MAS)* แล้วทั้งหมด 33 ราย ตัวเลขนี้แสดงถึงความพยายามในการผลักดันอุตสาหกรรมเข้าสู่ระบบที่มีการกำกับดูแลอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับ *ดูไบ* ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางเกิดใหม่ที่กระตือรือร้นและอนุมัติใบอนุญาตอย่างรวดเร็ว สิงคโปร์ก็ยังถูกมองว่ามี *ความล่าช้า* ในระดับหนึ่ง

*แคสเปอร์ โจฮันเซน* ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Spartan Group กล่าวว่า *“สิงคโปร์เป็นเมืองที่เน้นบริการทางการเงินสำหรับสถาบันมากกว่าบริการสำหรับรายย่อย”* เขายังชี้ว่า การจำกัดด้านการตลาดสำหรับนักลงทุนทั่วไปทำให้การขยายตลาดรายย่อยมีข้อจำกัด ตัวอย่างเช่น สิงคโปร์มักออกนโยบายจำกัดการโฆษณาเกี่ยวกับคริปโต ซึ่งสะท้อนจุดยืนที่ให้ความสำคัญกับการ ‘คุ้มครองนักลงทุน’ เป็นหลัก

บรรดาศูนย์กลางทางการเงินทั่วโลก อาทิ สิงคโปร์ กำลังพยายามหาสมดุลระหว่าง *นวัตกรรมทางการเงิน* และ *เสถียรภาพของระบบ* เพื่อยึดตำแหน่งที่มั่นในตลาดคริปโตระดับโลก ความเห็นในวงการมองว่า แนวทางทางกฎหมาย และนโยบายเหล่านี้อาจกลายเป็น *ต้นแบบให้กับตลาดเกิดใหม่* ที่ต้องการเข้าสู่อุตสาหกรรมคริปโตอย่างเป็นระบบในอนาคต