HashKey จากฮ่องกง ยื่น IPO เตรียมระดมทุน 6.5 พันล้านบาท ปูทางสู่บริษัทคริปโตจดทะเบียนแห่งแรก

HashKey บริษัทให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลจากฮ่องกง เตรียมกลายเป็นบริษัทคริปโตแห่งแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใต้กรอบกำกับดูแลใหม่ของฮ่องกง โดยล่าสุดได้ยื่นเรื่องต่อ ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เพื่อเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนในวงกว้าง (IPO) รวมจำนวน 240.57 ล้านหุ้น ซึ่งบางส่วนจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมจองซื้อ

ราคาหุ้นเสนอขายอยู่ในช่วง 5.95 ถึง 6.95 ดอลลาร์ฮ่องกงต่อหุ้น และคาดว่าจะสามารถระดมทุนรวมได้สูงสุดประมาณ 1.67 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 6.5 พันล้านบาท หากหุ้นทั้งหมดถูกจองซื้อเต็มจำนวน การเสนอขายนี้จะมีผลให้มูลค่ากิจการของ HashKey แตะระดับหลายพันล้านดอลลาร์ โดยบริษัทวางแผนเข้าตลาดในวันที่ 17 ธันวาคม

HashKey ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการซื้อขายคริปโตแบบสปอตเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจร ครอบคลุมถึง ‘การรับฝากสินทรัพย์’ หรือ *custody*, การให้บริการ ‘สเตคกิ้ง’ แก่นักลงทุนสถาบัน, การบริหารสินทรัพย์ และการ ‘โทเคนไนซ์’ หรือการแปลงสินทรัพย์จริงให้อยู่ในรูปของโทเคนบนบล็อกเชน บริษัทยังจัดอยู่ในกลุ่มที่มีใบอนุญาตใหญ่ที่สุดในฮ่องกง โดยถือครองสินทรัพย์ภายใต้การดูแลและบริหารในระดับหลายพันล้านดอลลาร์ฮ่องกง

แม้รายได้ของ HashKey จะอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถทำกำไรได้ เนื่องจากมีการลงทุนต่อเนื่องในด้านเทคโนโลยี ระบบกำกับดูแล และการขยายตลาดไปสู่ระดับสากล ‘ความเห็น’ ของผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ทุนที่ได้จาก IPO ส่วนมากจะถูกนำไปเสริมสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานและการรุกเข้าสู่ตลาดใหม่ ต่างประเทศ โดยมองว่าเป็นการวางเดิมพันใน ‘ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการกำกับดูแล’ ซึ่งกำลังเริ่มก่อตัว

การเสนอขายหุ้นของ HashKey เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลฮ่องกงกำลังเร่งเร้าให้เมืองนี้กลายเป็นศูนย์กลางด้านการเงินดิจิทัลของเอเชีย ด้วยการวางกรอบกำกับดูแลคริปโตอย่างชัดเจน การเข้าจดทะเบียนของ HashKey จึงอาจเป็น ‘ตัวแปรสำคัญ’ ที่สะท้อนถึงโอกาสที่สินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเคลื่อนเข้าสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิมในฮ่องกง

‘ความคิดเห็น’ จากตลาดชี้ว่า IPO ครั้งนี้อาจเปิดทางให้เงินทุนจากนักลงทุนสถาบันและภาคการเงินดั้งเดิมหลั่งไหลเข้าสู่สินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ขณะเดียวกันการระดมทุนจากบริษัทที่ได้รับ ‘ใบอนุญาตภายใต้กฎระเบียบ’ อย่าง HashKey ก็อาจกลายเป็น ‘มาตรฐานใหม่’ ให้กับสตาร์ทอัพคริปโตรายอื่น ๆ ในภูมิภาคที่จะเดินหน้าสู่การเป็นบริษัทมหาชนในอนาคตอีกด้วย