ทรัมป์อาจถูกสอบสวน กรณีใช้เหรียญมีม $TRUMP ดึงนักลงทุนต่างชาติร่วมกิจกรรมการเมือง

ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเผชิญกับการสอบสวนจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กรณีงานเลี้ยงอาหารค่ำสำหรับนักลงทุนใน ‘มีมคอยน์’ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จำนวน 35 คนได้ร่วมส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงกระทรวงยุติธรรม ขอให้ตรวจสอบว่ากิจกรรมดังกล่าวเข้าข่ายละเมิดอิทธิพลจากต่างชาติ การทุจริต หรือ *บทบัญญัติห้ามเจ้าหน้าที่รัฐรับของขวัญจากต่างชาติ (Emoluments Clause)* ในรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ หรือไม่

จดหมายฉบับนี้มุ่งถึงเอ็ดเวิร์ด ซัลลิแวน รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานความซื่อตรงแห่งกระทรวงยุติธรรม โดยเนื้อหาในเอกสารระบุว่า งานเลี้ยงดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบว่าเข้าข่ายทำผิดกฎหมายสินบน หรือฝ่าฝืนกฎรัฐธรรมนูญซึ่งห้ามประธานาธิบดีรับผลประโยชน์หรือสิ่งของจากรัฐบาลต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุมัติล่วงหน้าหรือไม่

กระแสดังกล่าวเริ่มต้นจากรายงานของ Bloomberg ซึ่งระบุว่า ผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงคืนดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นผู้ถือครองมีมคอยน์ซึ่งอาจมีความเกี่ยวพันกับบุคคลสัญชาติต่างชาติที่มีความเชื่อมโยงกับตลาดคริปโต บางฝ่ายแสดงความกังวลว่า การดำเนินกิจกรรมในลักษณะ ‘การเข้าถึงเป็นพิเศษกับประธานาธิบดี’ โดยใช้เหรียญมีมอย่าง $TRUMP เป็นสื่อกลาง อาจกลายเป็นช่องทางให้ต่างชาติเข้ามามีอิทธิพลในเวทีการเมืองสหรัฐฯ

สมาชิกสภาคองเกรสระบุในจดหมายว่า “กฎหมายสหรัฐฯ ห้ามไม่ให้ชาวต่างชาติมีส่วนในการบริจาคทางการเมือง” ก่อนเสริมว่า “แต่การที่ $TRUMP มีมคอยน์ถูกใช้เพื่อโปรโมตกิจกรรมพบปะประธานาธิบดีแบบตัวต่อตัว เสมือนเปิดโอกาสให้รัฐบาลต่างประเทศสามารถใช้อิทธิพลโดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน”

การถกเถียงเรื่อง *คริปโตเคอร์เรนซี* ที่เกี่ยวโยงกับเวทีการเมืองอาจขยายตัวมากขึ้น หลังจากที่ทรัมป์มีจุดยืนที่ชัดเจนและสม่ำเสมอในการสนับสนุนตลาดคริปโต โดยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขาได้นำ $TRUMP มีมคอยน์ มาใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือของแคมเปญการเลือกตั้งอย่างชัดเจน

‘*ความคิดเห็น*: หากมีการพิสูจน์ได้ว่าเหรียญมีมอย่าง $TRUMP เป็นเครื่องมือในการเปิดทางให้ทุนต่างชาติเข้าสู่กระบวนการทางการเมืองของสหรัฐฯ การกำหนดกฎระเบียบใหม่ระหว่างการเมืองและคริปโตอาจกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้’

ท่ามกลางโอกาสที่กระทรวงยุติธรรมอาจเปิดการสอบสวนในเร็วๆ นี้ นักวิเคราะห์ต่างมองว่า ผลลัพธ์อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการร่าง ‘กติกาใหม่’ ว่าด้วยการใช้คริปโตในการระดมทุนหรือเข้าถึงอำนาจทางการเมืองในระดับสูง