เดวิด แซคส์ ซึ่งรับหน้าที่ดูแลนโยบายด้าน AI และคริปโตของทำเนียบขาวภายใต้การบริหารของทรัมป์ เผยแผนสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตของรัฐบาลในการสัมภาษณ์กับ Fox Business เมื่อวันที่ 27 ว่า “คริปโตเคอร์เรนซีคือระบบการเงินแห่งอนาคต” พร้อมเน้นถึงความจำเป็นในการสนับสนุนนวัตกรรมในภาคธุรกิจนี้
แซคส์วิจารณ์ว่าในช่วงรัฐบาลไบเดน เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกสหรัฐ ได้เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม โดยระบุว่า วอร์เรนมีแนวทางที่ ‘สกัดกั้นนวัตกรรม’ อย่างชัดเจน ด้านวอร์เรนโต้กลับทันทีว่า ทรัมป์และแซคส์ต่าง ‘ใช้คริปโตเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว’
สำหรับร่างกฎหมายใหม่เกี่ยวกับคริปโตที่เพิ่งผ่านสภาผู้แทนราษฎร วอร์เรนแสดงความไม่พอใจ โดยระบุว่า “เป็นสิทธิพิเศษของคนรวย” พร้อมกล่าวหาแซคส์และรัฐบาลว่ามีความเชื่อมโยงกับภาคเอกชนมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม แซคส์ตอบโต้ว่า “วอร์เรนมีอคติอย่างรุนแรงต่อคริปโต” พร้อมระบุว่าการตัดงบประมาณของ CFPB ซึ่งวอร์เรนมีบทบาทในการก่อตั้ง ถือเป็น ‘ความสำเร็จที่สำคัญ’ เขายังประกาศสนับสนุนกฎหมายที่เป็นมิตรต่อคริปโต เช่น กฎหมาย Stablecoin และกฎหมาย Genius ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่มีเป้าหมายส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัล
ในอีกด้าน วอร์เรนตั้งข้อสงสัยว่า การที่แซคส์บริหารกิจการร่วมลงทุนในคริปโต แล้วยังตั้งนโยบายภาครัฐ ถือเป็นความ ‘ขัดแย้งทางผลประโยชน์’ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทรัมป์ได้อนุมัติการยกเว้นจริยธรรมให้กับแซคส์ ซึ่งอนุญาตให้เขามีบทบาทในการออกนโยบายที่อาจส่งผลดีต่อการลงทุนของตนเอง
แซคส์ยังเผยในงานประชุม Bitcoin 2025 ถึงแนวคิด ‘ทุนสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลเชิงกลยุทธ์’ ที่เขาเสนอให้ใช้บิตคอยน์(BTC) ซึ่งกระทรวงการคลังสหรัฐได้จากการยึดทรัพย์เป็นทุนตั้งต้น โดยอธิบายว่าหากสำนักงานอย่างกระทรวงพาณิชย์หรือกระทรวงการคลังสามารถสับเปลี่ยนงบประมาณจากโปรแกรมที่ใช้งานน้อย ก็จะทำให้สามารถเพิ่มปริมาณครอบครองบิตคอยน์ได้โดยไม่เพิ่มหนี้ภาครัฐ
*ความคิดเห็น: แนวทางดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของฝ่ายบริหารทรัมป์ในการปรับตัวเข้าสู่ยุคสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมทั้งอาจสร้างความท้าทายทางจริยธรรมและนโยบายในภาครัฐ*
ความคิดเห็น 0