เครือข่ายคริปโต ‘ซุย(Sui)’ กำลังเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังเกิดเหตุแฮ็กเกอร์โจมตีแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตแบบกระจายศูนย์ ‘ซีทัส(Cetus)’ ส่งผลให้เกิดความเสียหายสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,740 ล้านบาท) โดยหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญคือการที่ผู้ตรวจสอบเครือข่ายซุยสามารถร่วมมือกัน ‘ระงับ’ หรือ ‘ตรึง’ ทรัพย์สินของผู้โจมตีมูลค่ากว่า 162 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,219 ล้านบาท) ได้สำเร็จ
การดำเนินการดังกล่าวสร้างข้อถกเถียงอย่างกว้างขวาง โดยกลุ่มผู้สนับสนุนแนวคิด *กระจายศูนย์* ออกมาโจมตีการตัดสินใจครั้งนี้ โดยมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ชี้ให้เห็นถึง ‘ความเป็นศูนย์กลาง’ ในระบบที่ควรจะปราศจากอำนาจควบคุมใด ๆ กลุ่มนี้ระบุว่า การที่ ‘โหนดตรวจสอบ’ สามารถรวมอำนาจและจัดการธุรกรรมได้ เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ควรดำเนินไปด้วยความโปร่งใสและไร้การควบคุมจากศูนย์กลาง
อย่างไรก็ตาม อีกฝั่งหนึ่ง โดยเฉพาะนักลงทุนบางส่วน ต่างชื่นชมการตัดสินใจอย่างรวดเร็วของผู้ตรวจสอบว่าเป็นการ ‘ป้องกันการสูญเสียที่มากขึ้น’ และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารความเสี่ยงได้ทันเวลา *ความคิดเห็น* ที่มีต่อเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าความร่วมมือเชิงรุกในยามวิกฤตถือเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของระบบ
เหตุการณ์นี้นำไปสู่การเปิดให้ชุมชนซุิร่วมลงคะแนนเสียงในกระบวนการกำกับดูแล เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้คืนสินทรัพย์ที่ถูกแช่แข็งกลับแก่ผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญในวงการต่างจับตาดูว่าแพลตฟอร์มซีทัสจะดำเนินแผนฟื้นฟูและชดเชยผู้ใช้งานได้อย่างไร
*ความคิดเห็น* วิกฤตในครั้งนี้กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนว่าระบบแบบกระจายศูนย์อาจยังจำเป็นต้องมี ‘มาตรการแบบศูนย์กลาง’ เข้ามาแทรกแซงในบางเวลา โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ความท้าทายในอนาคตของบล็อกเชนคือการกำหนด ‘สมดุลที่เหมาะสม’ ระหว่างอุดมการณ์แบบกระจายศูนย์และความปลอดภัยที่ยั่งยืน
ความคิดเห็น 0