Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

แพลตฟอร์ม Citrea เสนอทางลัดใหม่แก้ปัญหาความช้าในเครือข่ายบิตคอยน์(BTC) ด้วยเทคโนโลยี Zero-Knowledge

แพลตฟอร์มวิจัยคริปโตระดับโลก ‘CoinEasy’ เผยรายงานล่าสุดชี้วิธีใหม่ในการแก้ปัญหาการ ‘ขยายตัว’ ของเครือข่ายบิตคอยน์(BTC) ด้วยโซลูชันเลเยอร์ 2 ตัวใหม่ชื่อ ‘Citrea’ ที่เน้นใช้เทคโนโลยี ‘Zero-Knowledge Proof’ ในการเพิ่มปริมาณธุรกรรมพร้อมคงความปลอดภัยของเครือข่าย

บิตคอยน์แม้ว่าจะมีข้อดีเรื่อง *ความปลอดภัย* และ *การกระจายศูนย์* แต่ความเร็วในการประมวลผลธุรกรรมต่อวินาทียังคงอยู่ที่ประมาณ 7 ธุรกรรมต่อวินาที ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญของการนำไปใช้งานจริง ทั้งในแง่ของ *ค่าธรรมเนียมที่สูง* และ *ความล่าช้า* แม้จะมีโซลูชันอย่าง ‘Lightning Network’ หรือ ‘Liquid’ เข้ามาบรรเทา แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์

ในรายงานของ CoinEasy ระบุว่า ‘Citrea’ เสนอแนวทางการประมวลผลแบบใหม่ โดยการรวมธุรกรรมจำนวนมาก และใช้เทคโนโลยี ‘Zero-Knowledge Proof (ZKP)’ เพื่อยืนยันผลแล้วส่งขึ้นเมนเชนของบิตคอยน์อีกที วิธีนี้ทำให้สามารถบรรลุทั้ง *ความปลอดภัย* *ความเป็นส่วนตัว* และ *ความสามารถในการขยายเครือข่าย* ไปพร้อมกัน

‘Citrea’ ถูกพัฒนาโดย Chainway Labs ในปี 2024 และได้รับการสนับสนุนเงินทุน 16.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากบริษัทร่วมลงทุนชื่อดังอย่าง Galaxy และ Founders Fund โดยใช้กลไกการเชื่อมโยงแบบสองทางระหว่าง BTC และ cBTC ผ่านระบบ ‘BitVM’ และ SPV (Simple Payment Verification) ซึ่งหลังจากโอน BTC เข้า BitVM แล้ว ผู้ใช้สามารถยื่นหลักฐาน SPV เพื่อสร้าง cBTC ขึ้นมา และเมื่อถอนออก จะต้องยื่น ZKP พร้อมกับหลักฐาน SPV เช่นกันเพื่อแปลงกลับเป็น BTC

โครงสร้างของระบบถูกออกแบบอย่างรัดกุม ‘Full Node’ จะจัดเก็บสถานะของเลเยอร์ 2 และยืนยันธุรกรรม ในขณะที่ ‘Sequencer’ ทำหน้าที่จัดเรียงและสร้างบล็อกอย่างรวดเร็วอยู่นอกเชน ‘Prover’ ทำหน้าที่บีบอัดชุดธุรกรรมเพื่อประหยัดพื้นที่ และ ‘Light Node’ ตรวจสอบความถูกต้องด้วยทรัพยากรน้อยที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกวางระบบเพื่อรองรับทั้งการขยายตัว, ความปลอดภัย, และความถูกต้องของข้อมูลอย่างลงตัว

CoinEasy ยังระบุอีกว่า หาก Citrea สามารถเปิดใช้งานสมาร์ตคอนแทรกต์ภายในระบบของบิตคอยน์ได้จริง จะส่งผลให้การใช้งานในภาค DeFi และ dApp เติบโตขึ้นอีกมาก โดยเฉพาะเมื่อตัวแพลตฟอร์มสามารถรองรับการเขียนโค้ดที่ซับซ้อนได้ในระดับเดียวกับอีเธอเรียม(ETH) ซึ่งจะดึงดูดบรรดานักพัฒนาและนักลงทุนรายใหญ่เข้ามามากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ประเด็นที่กำลังถกเถียงเรื่องการ ‘ยกเลิกข้อจำกัดขนาด OP_RETURN’ หากเกิดขึ้นจริง จะช่วยให้ Citrea สามารถแนบข้อมูลเพิ่มเติมบนเมนเชนบิตคอยน์ได้มากขึ้น ส่งผลบวกต่อการพัฒนาและการใช้งานอย่างมีอิสระ แม้ว่าบางกลุ่มในชุมชนจะมีความกังวลเรื่องภาระของเครือข่ายก็ตาม

ในแผนการระยะถัดไป Citrea ตั้งเป้าพัฒนา ‘ระบบสวอปแบบอะตอมิก (Atomic Swap)’ ที่สามารถแลก BTC ได้โดยไม่ต้องใช้ความเชื่อถือ, เพิ่มความแม่นยำในการผสาน SPV, และสร้างระบบนิเวศ dApp บนแพลตฟอร์ม ซึ่งทั้งหมดนี้อาจเปิดประตูให้ *นักลงทุนสถาบัน* เข้าร่วมมากขึ้น

"Citrea อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับผู้ใช้ทุกคน แต่หากสามารถผลักดันโซลูชันนี้ให้ใช้งานได้จริง ก็อาจจุดประกาย *นวัตกรรมใหม่* บนเครือข่ายบิตคอยน์" ตามการประเมินของ CoinEasy ซึ่งมองว่า Citrea คือหนึ่งในความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ควรจับตามองที่สุดในตลาดคริปโต ณ เวลานี้

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1