ปี 2025 กระเป๋าฮาร์ดแวร์กลายเป็นเครื่องมือด้าน ‘ความเป็นส่วนตัว’ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในวงการคริปโต เนื่องจากผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์กำลังเผชิญกับข้อกำหนดด้าน KYC (รู้จักลูกค้าของคุณ) และการป้องกันการฟอกเงิน(AML) ที่เคร่งครัดมากขึ้น ผู้ใช้จึงเริ่มมองหาวิธีรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
เหตุการณ์ข้อมูลลูกค้าของ ‘คอยน์เบส(Coinbase)’ หลุด เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนถึง ‘ความเสี่ยง’ ของบริการแบบรวมศูนย์อย่างชัดเจน เจมสัน ล็อปป์(Jameson Lopp) ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเปิดเผยว่า ในช่วงต้นปี 2025 มีรายงานอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือครองคริปโตเพิ่มขึ้นกว่า 180 กรณี ทั้งในรูปแบบการลักทรัพย์ การบุกรุกบ้าน และการลักพาตัว
กระเป๋าฮาร์ดแวร์ทำหน้าที่เก็บกุญแจส่วนตัวไว้แบบออฟไลน์ จึงสามารถป้องกันผู้ใช้งานจากการโจมตีผ่านการแฮกและฟิชชิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ ‘เทรซอร์(Trezor)’ ที่เป็นกระเป๋าฮาร์ดแวร์แบบโอเพนซอร์สซึ่งสามารถใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนบัญชีหรือให้ข้อมูลส่วนตัว ถือเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ต้องการปกป้องความเป็นส่วนตัวทางการเงิน
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ที่อยู่ซ้ำเมื่อลงธุรกรรม และควรใช้งานร่วมกับ ‘ทอร์(Tor)’ หรือ VPN เพื่อเพิ่มชั้นความปลอดภัย นอกจากนี้ แพลตฟอร์มแบบเพียร์ทูเพียร์ เช่น ‘เวกเซิล(Vexl)’ และ ‘โฮดลโฮดล(Hodl Hodl)’ ยังช่วยให้ผู้ใช้งานคริปโตสามารถซื้อขายได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการ KYC อีกด้วย
แม้ว่าในปี 2025 ระบบบริการส่วนใหญ่ในวงการคริปโตจะมีแนวโน้ม ‘เก็บข้อมูลส่วนบุคคล’ ของผู้ใช้มากขึ้น แต่กระเป๋าฮาร์ดแวร์ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษา ‘เสรีภาพทางการเงิน’ และ ‘ความเป็นส่วนตัว’ ได้อย่างมั่นคง
ความคิดเห็น 0