เวิลด์ ลิเบอร์ตี ไฟแนนเชียล(WLF) ได้ส่งหนังสือเตือนทางกฎหมายไปยังบริษัทผู้พัฒนา ‘กระเป๋าเงินทรัมป์’ หลังมีการโฆษณาว่ากระเป๋าดังกล่าวเป็น ‘กระเป๋าเงินคริปโตใบแรกและใบเดียวของทรัมป์’ โดยบริษัทเมจิก อีเดน ซึ่งเป็นพันธมิตรในโครงการ คือผู้เผยแพร่ข้อความดังกล่าวผ่านโซเชียลมีเดีย
เมื่อวันที่ 23 ตามรายงานของ Bloomberg บริษัท Fight Fight Fight ที่นำโดยบิล ซันเกอร์ พันธมิตรใกล้ชิดของทรัมป์ ประกาศแผนเปิดตัวกระเป๋าเงินทรัมป์ใบใหม่ โดยเมจิก อีเดน กล่าวว่ากระเป๋านี้ถูกสร้างขึ้นมา ‘เพื่อแฟนตัวจริงของทรัมป์’ และเป็น ‘กระเป๋าใบแรกและใบเดียว’ ที่เกี่ยวข้องกับอดีตประธานาธิบดี
อย่างไรก็ตาม ทันทีหลังจากการประกาศ ลูกชายของทรัมป์นำโดยโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียว่า พวกเขาไม่ทราบถึงการมีอยู่ของโปรเจกต์นี้ และย้ำว่าองค์กรของทรัมป์กำลังร่วมมือกับ WLF เพื่อพัฒนากระเป๋าเงินของตนเองอยู่ก่อนแล้ว
ด้านโปรเจกต์เก่าของ Fight Fight Fight และ CIC ดิจิทัล ที่เคยเปิดตัวไปเมื่อต้นปี ได้แก่เหรียญมีมของทรัมป์ สามารถสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมไปแล้วถึง 300 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4,170 พันล้านวอน โดยปัจจุบัน ทั้งสองบริษัทนี้ยังถือครองโทเคนของโปรเจกต์ไว้สูงถึง 80% จากจำนวนโทเคนที่มีอยู่รวม 1.7 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2.36 ล้านล้านวอน
สำหรับ WLF ที่เป็นพันธมิตรในโครงการกระเป๋าเงินดั้งเดิม ได้ระดมทุนผ่านการขายโทเคนไปแล้วกว่า 550 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7,645 พันล้านวอน นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปีก่อน ล่าสุดยังออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ชื่อว่า USD1 ซึ่งมีมูลค่าตลาดแล้วกว่า 2,200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3.05 ล้านล้านวอน
เอกสารเผยแพร่ยังเปิดเผยว่า บริษัทที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์จะได้รับ 75% ของกำไรสุทธิจากโปรเจกต์ และครอบครัวของทรัมป์ยังถือหุ้นใน WLF อยู่ถึง 60% ผ่านบริษัท DT Marks DeFi
‘กระเป๋าเงินทรัมป์’ จึงกำลังกลายเป็นหัวข้อร้อนที่หลายฝ่ายแย่งชิงกันเป็นเจ้าของการสร้าง ‘ของแท้’ ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่า ชื่อของทรัมป์จะกลายเป็นสินทรัพย์คริปโตที่ถูกใช้ในทิศทางใดในอนาคตต่อไป ความคิดเห็น: โครงการที่ใช้ชื่อทรัมป์มีแนวโน้มสร้างรายได้อย่างมหาศาล แต่ความขัดแย้งด้านสิทธิ์ในชื่อ ยังอาจเป็นแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในวงการคริปโต
ความคิดเห็น 0