ราคา *บิตคอยน์(BTC)* ที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แม้จะมีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน ก็ยังไม่สามารถผลักดันให้ราคาพุ่งขึ้นได้ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้การปรับตัวขึ้นของราคาชะลอตัว ทั้งที่มีการเข้าซื้อจาก *กองทุน ETF* และบรรดาบริษัทขนาดใหญ่ในปริมาณมหาศาล
ตามรายงานของบริษัทวิเคราะห์ตลาด *คริปโตควอนต์(CryptoQuant)* เมื่อเร็ว ๆ นี้ พบว่า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อนจนถึงกลางเดือนพฤษภาคมปีนี้ ปริมาณบิตคอยน์ที่ ETF ในสหรัฐฯ เข้าซื้อลดลงจาก 86,000 BTC เหลือเพียง 40,000 BTC หรือประมาณ *ลดลง 53%* คิดเป็นมูลค่าราว 5.56 ล้านล้านวอน หรือลดลงกว่าครึ่งจากเดิมที่ 11.94 ล้านล้านวอน ขณะเดียวกัน การเข้าซื้อจากบริษัทต่าง ๆ เช่น มาโครสเตรตเทจี ก็ปรับลดลงอย่างมาก จาก 171,000 BTC เหลือแค่ 16,000 BTC ซึ่งลดลงเกือบ *90%*
แม้นักลงทุนสถาบันจะยังเดินหน้าซื้อ แต่ในเชิงโครงสร้างแล้ว สัดส่วนการซื้อของกลุ่มนี้ถือเป็นเพียง ‘บางส่วน’ ของความต้องการทั้งหมด ในช่วงเดือนธันวาคมปีก่อน ซึ่งตลาดบิตคอยน์สูงสุด ETF และสถาบันคิดเป็นเพียง *33% ของความต้องการทั้งหมด* โดยเข้าซื้อรวมกันประมาณ 257,000 BTC จากมวลรวม 771,000 BTC แสดงให้เห็นว่า ผู้ซื้อในกลุ่มภาคประชาชนหรือกลุ่มที่ไม่เป็นทางการยังถือครองสัดส่วนมากกว่า
ข้อมูลจากคริปโตควอนต์ชี้ว่า ตลอด 30 วันที่ผ่านมา ความต้องการรวมของบิตคอยน์ลดลงถึง *895,000 BTC* โดยเป็นความต้องการที่ระบุได้ในระบบจำนวน 857,000 BTC ขณะที่เงินทุนที่ไหลเข้าสู่ ETF และการลงทุนของสถาบันอยู่ที่ประมาณ 748,000 BTC แบ่งเป็น 377,000 BTC จาก ETF และ 371,000 BTC จากสถาบัน ซึ่ง ‘ช่องว่าง’ นี้เป็นแรงกดดันสำคัญต่อแนวโน้มราคา
“ความคิดเห็น” จากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า แม้ ETF และนักลงทุนสถาบันจะช่วยพยุงระดับราคาบิตคอยน์ให้อยู่ในช่วงประมาณ $100,000 (หรือ 13.9 ล้านวอน) ได้ แต่หากไม่มี ‘การขยายฐานความต้องการ’ อย่างกว้างขวาง ราคาก็อาจหยุดนิ่งหรือลดลงต่อไป นอกจากนี้ ความต้องการจากรายย่อยและช่องทางที่ไม่สามารถติดตามได้ ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ กลับมีท่าทีชะลอตัว ซึ่งทำให้ความสามารถในการขับเคลื่อนราคาของ ETF และสถาบันมี ‘ข้อจำกัด’
*คริปโตควอนต์* สรุปว่า หากตลาดต้องการกลับมาเป็นขาขึ้นอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง การฟื้นตัวของความต้องการจากผู้ใช้งานทั่วไปและรายย่อยถือเป็นสิ่งที่ ‘จำเป็น’ ไม่ใช่แค่การเข้าซื้อจาก ETF หรือบริษัทเดี่ยว โดยระบุว่า “แม้ ETF และมาโครสเตรตเทจีจะส่งสัญญาณเชิงบวก แต่การกระทำของพวกเขาเพียงลำพัง คงไม่พอจะดันราคาทะลุจุดสูงสุดได้” การสร้างแรงหนุนราคาจำเป็นต้องอาศัยพลังจากความต้องการจริงในตลาดโดยรวม
ความคิดเห็น 0