อีเธอเรียม(ETH) พุ่งแตะ 2,850 ดอลลาร์ แต่แนวโน้มขาขึ้นอาจไม่ยั่งยืน

อีเธอเรียม(ETH) พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 2,850 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 7% ภายในวันเดียว โดยมีปัจจัยหนุนจากการเปิดตัวโปรโตคอล ‘มีมคอยน์’ ใหม่ และค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมบนเครือข่ายอีเธอเรียมที่พุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลตลาดชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นนี้อาจไม่ยั่งยืน

ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเฉลี่ยบนเครือข่ายอีเธอเรียมพุ่งจาก 0.70 ดอลลาร์ไปแตะระดับ 70 ดอลลาร์ ก่อนจะกลับสู่ระดับปกติ แม้ว่าช่วงแรกนักลงทุนจะมีความคาดหวังสูง แต่ราคากลับไม่สามารถรักษาระดับได้ โดยพบว่ากระเป๋าเงินที่เกี่ยวข้องกับโทเคน 'วอลล์สตรีท เปเป้' มีสัดส่วนสูงถึง 25% ของค่าธรรมเนียมเครือข่ายทั้งหมดในช่วงเวลา 3 ชั่วโมง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น

โปรโตคอล ‘มีมคอยน์’ ที่ถูกกล่าวถึงคือ ‘เปเป้ ปั๊ม แพด’ ซึ่งเปิดตัวบนเครือข่ายเลเยอร์-2 ของอีเธอเรียม อย่างไรก็ตาม แรงกระตุ้นดังกล่าวอยู่ได้ไม่นาน เมื่อ ETH ร่วงลง 100 ดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มลดความคาดหวังต่อการขึ้นของราคา

ขณะที่ตลาดอนุพันธ์ไม่ส่งสัญญาณบวกที่ชัดเจน ค่า ‘ฟิวเจอร์ส พรีเมียม’ ของอีเธอเรียมยังคงอยู่ที่ 6% ซึ่งสะท้อนว่าตลาดไม่คาดหวังแนวโน้มขาขึ้นอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ตลาดอีเธอเรียม ETF ในสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีเงินทุนไหลเข้าที่โดดเด่น และปริมาณซื้อขายก็ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับบิตคอยน์ ETF อย่างมาก

แม้ในระยะสั้น ETH อาจเผชิญกับแรงกดดัน แต่การพัฒนาเครือข่ายยังคงเป็นปัจจัยบวก โดยเฉพาะอัปเกรด ‘เพกตรา’ ที่คาดว่าจะเพิ่มความสามารถในการประมวลผลข้อมูลของเลเยอร์-2 ขึ้น 2 เท่า ซึ่งจะช่วยลดค่าธรรมเนียมและเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม นอกจากนี้ แนวทาง ‘ก๊าซฟรี’ หรือการทำธุรกรรมแบบไม่เสียค่าธรรมเนียมก็อยู่ระหว่างการพิจารณา

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า ETH อาจยังไม่สามารถทะลุระดับ 3,000 ดอลลาร์ได้ในเร็ว ๆ นี้ เว้นแต่จะมีการปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมพื้นฐานและแก้ปัญหาผลตอบแทนจากการสเตกกิ้ง หากอุปสรรคเชิงเทคนิคเหล่านี้ได้รับการแก้ไข อีเธอเรียมอาจกลับมาแข็งแกร่งขึ้นในระยะยาว