สมาคมทนายความในอาร์เจนตินาได้ยื่นคำร้องทางอาญาต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) และสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) เกี่ยวกับโทเคน ‘ลิบรา(LIBRA)’ โดยมุ่งเป้าไปที่บุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ พร้อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบความเป็นไปได้ที่ฮาเวียร์ มิเลอี(Javier Milei) ประธานาธิบดีอาร์เจนตินาจะมีส่วนเกี่ยวข้อง
กระแสกดดันทางกฎหมายต่อประธานาธิบดีมิเลอียังคงทวีความรุนแรงขึ้นในประเทศ โดยเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ กลุ่มการเมืองท้องถิ่น ‘Civic Coalition ARI’ ได้ยื่นคำร้องต่อกระทรวงยุติธรรมเพื่อให้สอบสวนข้อกล่าวหาเรื่องสินบนและการฉ้อโกงที่อาจเกี่ยวข้องกับผู้นำประเทศ พวกเขาเน้นย้ำว่ารัฐบาลไม่ควรเป็นทั้ง ‘ผู้ตัดสิน’ และ ‘คณะลูกขุน’ ในเรื่องนี้ พร้อมเรียกร้องให้ดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นอิสระ
กรณีโทเคนลิบรากลายเป็นประเด็นร้อนเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังจากที่ประธานาธิบดีมิเลอีโพสต์ข้อความบน X (เดิมคือทวิตเตอร์) กล่าวอ้างว่าโครงการนี้จะช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพในอาร์เจนตินา อีกทั้งยังได้แชร์ที่อยู่สมาร์ตคอนแทรกต์ของโทเคน ซึ่งส่งผลให้ลิบราคระโดดขึ้นแตะมูลค่าตลาด 4.56 พันล้านดอลลาร์ ก่อนจะร่วงลงเหลือเพียง 257 ล้านดอลลาร์ภายในไม่กี่ชั่วโมง
จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีข้อสรุปว่ามิเลอีมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับกรณีนี้หรือไม่ ทางรัฐบาลพยายามรักษาระยะห่าง โดยอ้างว่าประธานาธิบดีเป็น ‘เหยื่อ’ ที่ถูกหลอกโดยนักพัฒนาโทเคน อย่างไรก็ตาม สมาคมฟินเทคอาร์เจนตินาให้ความเห็นว่าลิบรามีแนวโน้มจะเป็น ‘รั๊กพูล’ หรือการฉ้อโกงที่นักพัฒนาแอบถอนเงินออกไป ทำให้นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่ามิเลอีอาจเผชิญความเสี่ยงในการถูกถอดถอนจากตำแหน่ง
ฝั่งฝ่ายค้านก็ไม่อยู่เฉย โดยเลอันโดร ซานโตรโร(Leandro Santoro) ส.ส. ฝ่ายค้านได้ออกมาระบุว่า “เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของอาร์เจนตินาในระดับสากล” และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการถอดถอน
ขณะที่ในสหรัฐฯ ประเด็นนี้ก็ได้รับความสนใจจากโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ทรัมป์ได้โพสต์ภาพของมิเลอีลงบนโซเชียลมีเดีย ‘ทรูธโซเชียล’ พร้อมแคปชันว่า “ถ้าการพิมพ์เงินสามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ แล้วการพิมพ์ใบปริญญาจะทำให้ความโง่เขลาหายไปหรือเปล่า?” ด้านมิเลอีตอบโต้ด้วยการแคปเจอร์โพสต์ของทรัมป์แล้วนำไปโพสต์บน X
ในขณะเดียวกัน เฮย์เดน เดวิส(Hayden Davis) ผู้ก่อตั้งลิบรา ออกมาให้สัมภาษณ์กับยูทูบเบอร์ ‘คอฟฟี่ซิลลา(Coffeezilla)’ พร้อมปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การฉ้อโกง แต่เป็น ‘ความล้มเหลว’ ของโครงการเท่านั้น เขาโต้กลับด้วยการกล่าวว่า “คนที่ออกมาวิจารณ์คือกลุ่มที่ไม่ได้รับผลประโยชน์จากการซื้อขายภายใน แต่ถ้าพวกเขาได้กำไร ก็คงจะไม่มีใครบ่นอะไร”
ความคิดเห็น 0