ริปเปิล(XRP) พุ่งแรง 20% ขึ้นแท่นเหรียญอันดับ 3 แซงเทเทอร์(USDT) ท่ามกลางกระแสตลาดกระทิง

เอ็กซ์อาร์พี(XRP) กลับมาเป็นผู้นำในกระแส ‘การปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์ดิจิทัล’ หลังจากสามารถทะลุแนวต้านสำคัญได้สำเร็จ โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ราคา XRP พุ่งขึ้นมากถึง 20% ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง และเคยแตะระดับใกล้ 3 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,170 บาท) ขณะเดียวกัน มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดก็ทะลุ 160,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 222.4 ล้านล้านบาท) และขยับขึ้นแทนที่เทเทอร์(USDT) กลายเป็น ‘อันดับ 3’ ในแง่มูลค่าตลาด

การพุ่งขึ้นในครั้งนี้เริ่มต้นหลังจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางเริ่มคลี่คลาย โดยที่ผ่านมา XRP ถูกจำกัดอยู่ในกรอบแคบระหว่าง 1.9 ถึง 2.6 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,641-3,614 บาท) ท่ามกลางความไม่แน่นอนระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล แต่เมื่อต้นเดือนนี้ปริมาณการซื้อขายเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้แรงซื้อมากขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายมองว่า นี่คือ *สัญญาณล่วงหน้า* ของการเคลื่อนไหวขาขึ้นของ XRP

นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า “นักลงทุนส่วนใหญ่จะพลาดโอกาสในรอบนี้” พร้อมชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มตลาดกระทิงที่กำลังก่อตัว และในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา XRP ก็ทยานขึ้นเกิน 2.8 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,892 บาท) ตามราคาในหลายกระดานแลกเปลี่ยนหลัก ซึ่งสะท้อนถึงการปรับขึ้นมากกว่า 12% ในวันเดียว

บนโซเชียลมีเดีย ความคาดหวังต่อ XRP ก็เริ่มร้อนแรงขึ้น หนึ่งในอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังด้านคริปโตเคอร์เรนซีระบุว่า เส้นแนวต้านในระดับปีถูกฝ่าไปแล้ว และอาจนำไปสู่การ ‘ค้นหาราคาแบบแนวตั้ง’ พร้อมเชื่อว่า XRP อาจทะยานไปถึงระดับ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.47 ล้านบาท) ในระยะยาว *“ถ้าตลาดกระทิงลักษณะเดียวกับเมื่อปี 2017 กลับมาอีกครั้ง การขึ้นไปถึง 2,000 ดอลลาร์ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง”* ความคิดเห็นเช่นนี้ช่วยปลุกกระแสความมั่นใจให้กับเหล่าผู้ถือครองเหรียญเป็นอย่างมาก

การแซงเทเทอร์ขึ้นเป็นอันดับ 3 ในแง่ของมูลค่าตลาดไม่ได้เกิดจากราคาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น ความคืบหน้าในการขยายผลิตภัณฑ์ของบริษัทริปเปิล ซึ่งอยู่เบื้องหลัง XRP และความหวังต่อการคลี่คลายประเด็นด้านกฎระเบียบที่เคยก่อให้เกิดความไม่แน่นอน โดยชัยชนะในคดีของ Ripple กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลต่อทิศทางของ XRP ในอนาคต

แม้จะยังไม่ชัดเจนว่า XRP จะสามารถรักษาระดับหรือเดินหน้าต่อไปได้ในระยะสั้น แต่การปรับตัวขึ้นรอบนี้ได้กระตุ้นให้นักลงทุนกลับมาประเมินมูลค่าจริงและศักยภาพของ XRP อย่างจริงจังอีกครั้ง และแม้ว่าจะยังมีความเป็นไปได้ของการปรับฐานในทางเทคนิค แต่ก็อาจกล่าวได้ว่า **การพุ่งขึ้นครั้งนี้คือ ‘สัญญาณเปิดรอบใหม่’ ของ XRP** อย่างชัดเจน