รายงานเผยสถาบันไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตเพิ่มสูง – แมนเทิล(Mantle) ขึ้นแท่นโครงสร้างพื้นฐานหลัก

หนึ่งในประเด็นสำคัญของตลาดคริปโตช่วงครึ่งหลังของปี 2025 คือ ‘การขยายตัวของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ’ โดยจากรายงานฉบับล่าสุดของเจเพลย์ แลปส์(Jayplay Labs) ระบุว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศหลักอย่างเกาหลีใต้ การเปิดตัวกองทุน ETF บิตคอยน์(BTC) แบบสปอต และการยอมรับสเตเบิลคอยน์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ล้วนเป็นปัจจัยร่วมที่เร่งให้ ‘สถาบันเข้ามาลงทุน’ ในตลาดคริปโตมากขึ้น

การมีส่วนร่วมของนักลงทุนสถาบันเริ่มชัดเจนนับตั้งแต่ปี 2024 เมื่อสหรัฐฯเปิดตัวกองทุน ETF บิตคอยน์แบบสปอต ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่วงการคริปโตมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ การดำเนินการดังกล่าวช่วยเพิ่ม *ความน่าเชื่อถือ* และ *ความสามารถในการเข้าถึง* สินทรัพย์ดิจิทัล และในเกาหลีใต้ก็เกิดความเคลื่อนไหวที่คล้ายกัน ทั้งการร่างกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัล และการหารือเรื่องการออกสเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับวอน เกาหลีใต้ยังได้เห็นฟินเทคยักษ์ใหญ่อย่างวีซ่า(Visa) และสไตรป์(Stripe) เข้ามาหนุนการนำสเตเบิลคอยน์มาใช้งานจริง ซึ่งตามความเห็นของเจเพลย์ แลปส์ สิ่งนี้ช่วยสร้าง ‘ความมั่นใจ’ ให้กับนักลงทุนสถาบัน

การเข้ามาของสถาบันไม่ใช่เพียงแค่แนวโน้ม แต่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ตอบโจทย์เรื่อง *ความปลอดภัย*, *กฎระเบียบ*, *การดูแลสินทรัพย์* และ *ความโปร่งใส* “โครงการที่เติบโตโดยชัดเจนเพื่อตอบสนองกลุ่มนี้คือ แมนเทิล(Mantle)” — โซลูชัน Layer 2 แบบโมดูลาร์บนเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) ที่เน้นความเร็วในการประมวลผลและค่าธรรมเนียมต่ำ พร้อมความปลอดภัยระดับสูง

แมนเทิลได้แบ่งโครงสร้างเครือข่ายออกเป็นส่วนๆ ทั้งการประมวลผลข้อมูล, การดำเนินการ และการทำฉันทามติ ซึ่งช่วยให้สามารถรองรับธุรกรรมได้มากถึง 100,000 รายการต่อวินาที และลดต้นทุนได้มากกว่า 80% เมื่อเทียบกับเมนเน็ตของอีเธอเรียม รายงานยังชี้ว่า แมนเทิลได้ใช้เทคโนโลยี ZK-rollup ควบคู่กับ EigenDA ในการตรวจสอบข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งต่อ ‘ความน่าเชื่อถือ’ ที่สถาบันต้องการ

ในมุมของบริการทางการเงิน แมนเทิล แบงก์(Mantle Banking) ได้พัฒนาแพลตฟอร์มครบวงจรที่ผสมผสาน ‘ระบบการเงินแบบดั้งเดิมกับดีไฟ(DeFi)’ ไว้ด้วยกัน ทั้ง mUSD สเตเบิลคอยน์, บริการดูแลสินทรัพย์, กองทุนดัชนีบนเชน รวมถึงนีโอแบงก์ หนึ่งในบริการเด่นคือ UR ซึ่งสนับสนุนการใช้งานทั้งเงินเฟียตและสเตเบิลคอยน์ ทำให้สถาบันรู้สึก ‘คุ้นเคย’ เหมือนใช้งานธนาคารทั่วไป

ด้วยความสำเร็จที่ต่อเนื่อง แมนเทิลจึงมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (TVL) สูงกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยสัดส่วนนี้มาจากผลิตภัณฑ์ FBTC ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกับ Galaxy Digital และ Function แพลตฟอร์มยังเชื่อมต่อกับโปรโตคอลดีไฟรายใหญ่อีก 8 ราย และแอปพลิเคชันบนเชนกว่า 25 รายการ เพื่อเปิดทางให้การใช้ประโยชน์บิตคอยน์ในรูปแบบดีไฟเกิดขึ้นจริง

ท้ายที่สุด เจเพลย์ แลปส์ชี้ว่า การที่แมนเทิลสามารถสร้างเทคโนโลยีระดับสูงที่ตอบโจทย์ ‘ขยายขนาด-ควบคุมความเสี่ยง-สอดรับกับกฎเกณฑ์’ นั้นคือก้าวสำคัญสู่การเป็นศูนย์กลางของนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะเมื่อประกอบกับท่าทีสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลของรัฐบาลภายใต้การนำของอีแจมยอง และแนวโน้มการผ่อนคลายกฎระเบียบระดับโลก *ความคิดเห็น: หากโครงการยังคงรักษาทิศทางเช่นนี้ได้ โอกาสที่แมนเทิลจะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของตลาด ‘คริปโตสถาบัน’ จะมีความเป็นไปได้สูง*