FCA อังกฤษจ่อเปิดทางลงทุนคริปโตผ่าน cETN และ ETF สำหรับรายย่อย

สำนักงานกำกับดูแลกิจการการเงินแห่งสหราชอาณาจักร (FCA) อยู่ระหว่างการพิจารณาเปิดทางให้ *นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงตราสารหนี้ดัชนีสินทรัพย์ดิจิทัล* (cETN) ได้อีกครั้ง หลังจากที่เคยสั่งห้ามมาตั้งแต่ปี 2020 ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจปูทางให้ชาวอังกฤษสามารถลงทุนใน *บิตคอยน์(BTC)* และ *อีเธอเรียม(ETH)* ผ่านวิธีการที่ปลอดภัยและถูกกำกับดูแลได้ง่ายยิ่งขึ้น

ข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังสหรัฐอเมริกาอนุมัติ ETF ที่อ้างอิงราคาสปอตของบิตคอยน์ ทำให้มีเม็ดเงินจากทั้งสถาบันและนักลงทุนรายย่อยหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลนับหมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์การเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ในขณะที่สหรัฐฯ และยุโรปเดินหน้าเข้าสู่การออกกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน สหราชอาณาจักรจึงไม่ต้องการตกขบวนในสนามการแข่งขันนี้

ด้านสมาคมอุตสาหกรรมคริปโตของสหราชอาณาจักร ‘คริปโตยูเค(CryptoUK)’ ออกแถลงการณ์สนับสนุนข้อเสนอของ FCA โดยชี้ว่า "การอนุญาตให้เข้าถึง cETN เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น และควรขยายการพิจารณาไปสู่ *ETF สำหรับนักลงทุนรายย่อย* ด้วย" ETF มีข้อได้เปรียบที่สามารถซื้อขายได้โดยไม่ต้องถือสินทรัพย์จริง ลดความเสี่ยงด้านการเก็บรักษาและต้นทุนสูง จึงเหมาะกับนักลงทุนทั่วไปในวงกว้าง

บริษัทในอุตสาหกรรม อาทิ คอยน์เบส สาขาสหราชอาณาจักร และ 21Shares ต่างสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ FCA โดยเตือนว่าการจำกัดช่องทางลงทุนอาจผลักดันนักลงทุนรายย่อยไปยังแพลตฟอร์มในต่างประเทศที่ไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล คีธ โกรส(Keith Grose) จากคอยน์เบส UK ระบุว่า “สหราชอาณาจักรสามารถใช้สถานะ ‘ผู้ตาม’ เพื่อออกแบบระบบที่แม่นยำยิ่งกว่าเดิม” พร้อมย้ำว่า เยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์อนุญาตคริปโต ETF สำหรับนักลงทุนรายย่อยแล้ว และหากอังกฤษยังล่าช้าอาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน

ด้าน FCA เตรียมประกาศข้อสรุปด้านนโยบายในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยจะพิจารณาครอบคลุมถึงการนำ *ETF แบบสปอต* มาใช้ รวมถึงการเพิ่มคริปโตอื่นๆ นอกเหนือจากบิตคอยน์และอีเธอเรียมในผลิตภัณฑ์ cETN โดยถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลได้ โดยไม่ต้องจัดการกับ ‘private key’ หรือรายละเอียดที่มีความซับซ้อน

อย่างไรก็ดี ทั้ง FCA และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่างเห็นพ้องกันว่า *ความผันผวนสูงและความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินลงทุนทั้งจำนวน* ยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึง แม้ท่าทีของหน่วยงานกำกับดูแลอาจผ่อนคลายลง แต่การออกแบบกฎที่ชัดเจน การให้ความรู้แก่นักลงทุน และการจัดการความเสี่ยงที่รอบด้านจะต้องดำเนินควบคู่กันไปอย่างจริงจัง