วิงเคิลวอสเผย เจพีมอร์แกนระงับเปิดบัญชี หลังโพสต์วิจารณ์นโยบาย เรียกค่าธรรมเนียมฟินเทค

ไทเลอร์ วิงเคิลวอส ผู้ร่วมก่อตั้งเจมินี อ้างว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเจพีมอร์แกนเชส(JPM) ที่ระงับขั้นตอนการเปิดบัญชีธนาคารใหม่ของบริษัทเขา เป็นผลมาจากโพสต์วิจารณ์ของเขาบนโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่าง ‘กลุ่มธนาคาร’ และ ‘บริษัทคริปโต’ ที่ยังคงดำเนินอยู่

เมื่อวันที่ 28 วิงเคิลวอสโพสต์ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) หรือเดิมคือทวิตเตอร์ ว่า เจพีมอร์แกนแจ้งกับเจมินีว่าได้ ‘ระงับกระบวนการรับลูกค้าใหม่’ หลังจากเขาโพสต์แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับนโยบายการเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของธนาคาร เขาเสริมว่า "ทวีตเมื่อสัปดาห์ที่แล้วของผมอาจไปสะกิดใจใครบางคนเข้า" พร้อมเผยว่า "เป็นสัปดาห์นี้เองที่เจพีมอร์แกนแจ้งเราถึงเรื่องนี้" โดยก่อนหน้านี้ เจพีมอร์แกนได้ยกเลิกบัญชีธนาคารของเจมินีท่ามกลางกระแส “Operation ChokePoint 2.0” ซึ่งถูกมองว่าเป็นความพยายามจำกัดการเข้าถึงบริการการเงินของภาคคริปโตโดยภาครัฐ

ทวีตที่เป็นประเด็นของวิงเคิลวอส มีต้นตอมาจากรายงานของ Bloomberg ซึ่งเปิดเผยว่า เจพีมอร์แกนมีแผนจะเริ่ม ‘เรียกเก็บค่าธรรมเนียม’ กับฟินเทคที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลลูกค้าของธนาคาร วิงเคิลวอสวิจารณ์ว่า ค่าธรรมเนียมดังกล่าวอาจสูงเกินไปสำหรับสตาร์ทอัพ และอาจส่งผลให้หลายราย ‘ต้องยุติบริการซื้อคริปโต’ ซึ่งในความเห็นของเขา คือการผลักดันให้พวกเขาหลุดพ้นจากธุรกิจ

ความตึงเครียดระหว่างเจพีมอร์แกนและเจมินีไม่ได้จำกัดอยู่ในระดับธุรกิจเท่านั้น เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถาบันการเงินรายใหญ่ในสหรัฐฯ หลายแห่งต่างไม่พึงประสงค์ลูกค้าในภาคสินทรัพย์ดิจิทัล บางธนาคารถึงขั้นเลิกให้บริการกับบริษัทคริปโตภายใต้แรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะหลังจากที่รัฐบาลไบเดนเดินหน้านโยบาย “Operation ChokePoint 2.0” ซึ่งถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์ ‘ตัดช่องทางการเงินของอุตสาหกรรมคริปโต’

เหตุการณ์ล่าสุดตอกย้ำปัญหาเดิมที่ยังไม่คลี่คลาย นั่นคือ ธนาคารกระแสหลักในสหรัฐฯ ยังคงไม่สามารถ ‘ยอมรับบริษัทคริปโตในฐานะลูกค้าทางการเงินทั่วไป’ ได้อย่างสมบูรณ์ และเมื่อเพียงแค่เสียงวิจารณ์ครั้งเดียวสามารถทำให้การลงทะเบียนลูกค้าใหม่ถูกยกเลิก ก็ยิ่งชี้ให้เห็นว่า บริษัทคริปโตในอเมริกายังคงต้องต่อสู้เพื่อให้เข้าถึงระบบการเงินภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียม