บิตคอยน์(BTC) ปล่อยเวอร์ชันทดลอง v29.1 เสริมความปลอดภัย ปิดช่องโหว่ DoS

บิตคอยน์(BTC) เผยเวอร์ชันทดลองของซอฟต์แวร์อัปเดตใหม่ ‘v29.1’ โดยทีมพัฒนาหลักอย่าง บิตคอยน์ คอร์(Bitcoin Core) ได้เปิดตัว ‘ผู้ทดสอบเวอร์ชันก่อนเผยแพร่ (Release Candidate)’ เมื่อล่าสุด หลังจากที่เวอร์ชัน v28.2 ได้รับการปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยในครั้งนี้เน้นการปรับปรุง ‘ความมั่นคง’ และ ‘ความปลอดภัย’ เป็นหลัก

บิตคอยน์ คอร์ ถือเป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สหลักที่ใช้ขับเคลื่อนโปรโตคอลของบิตคอยน์ ซึ่งปัจจุบันโหนดและผู้ขุดส่วนใหญ่ยังเลือกใช้งานในการประมวลผลและเชื่อมต่อกับบล็อกเชนของเครือข่ายบิตคอยน์ การปล่อยเวอร์ชันทดลองก่อนเปิดใช้อย่างเป็นทางการถือเป็นขั้นตอนมาตรฐาน เพื่อทดสอบความเสถียรก่อนจะเผยแพร่ผลลัพธ์สู่ระบบหลัก

ความเปลี่ยนแปลงสำคัญใน ‘v29.1’ คือการ ‘เพิ่มข้อจำกัด sigops’ ซึ่งหมายถึงจำนวนครั้งการคำนวณลายเซ็นดิจิทัลในธุรกรรม หากมีจำนวนสูงเกินไป อาจถูกใช้เป็นช่องโหว่ในการโจมตีระบบแบบปฏิเสธการให้บริการ (DoS attack) ได้ เวอร์ชันใหม่นี้จะจำกัดจำนวน signature operation สูงสุดไว้ที่ 2,500 ครั้งต่อธุรกรรม หากเกินกว่านั้น ระบบจะตีตราเป็น ‘ไม่เป็นมาตรฐาน’ และจะไม่ถูกส่งต่อในเครือข่ายโดยโหนดทั่วไป ถือเป็นการลดช่องทางการโจมตีจากมัลแวร์ที่เจาะระบบผู้ขุดที่ใช้ซอฟต์แวร์รุ่นเก่า

นอกจากนี้ ยังมีการเสริมความเสถียรในหลายด้าน เช่น ป้องกันผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ 32 บิตจากการตั้งค่าหน่วยความจำเกินจริง ปรับปรุงไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเวลาเกิดการจัดโครงสร้างบล็อกเชนแบบไม่คาดคิด และแก้ไขข้อผิดพลาดการแสดงผลเวอร์ชันกระเป๋าเงินในไฟล์บันทึก(log) ที่ไม่ถูกต้อง

ในด้านความปลอดภัย เวอร์ชันใหม่ได้ ‘บล็อกพอร์ต RDP (3389) และ VNC (5900)’ ซึ่งถือเป็นช่องทางที่มักถูกใช้ในการเจาะระบบ เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยให้กับโหนดทั่วเครือข่าย นอกจากนี้ ยังได้ถอดฟังก์ชัน ‘เครื่องสร้างเลขสุ่ม’ ที่เคยทำงานผิดพลาดบนบางอุปกรณ์ ARM ออกไปด้วย

การเปิดตัวเวอร์ชันทดลองนี้ยังอยู่ในช่วงสุดท้ายก่อนจะเป็นการอัปเดตอย่างเป็นทางการ โดยชุมชนและผู้ให้บริการโหนดยังคงร่วมกันทดสอบเพื่อตรวจสอบความผิดพลาดต่าง ๆ ความเห็นโดยรวมประเมินว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แม้จะดูเล็กน้อย แต่ถือว่าช่วย ‘ยกระดับความเชื่อมั่นและความเสถียรของเครือข่ายบิตคอยน์(BTC)’ อย่างชัดเจน และยังตอกย้ำถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบบิตคอยน์ในระยะยาว